ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะพักฐานในคืนนี้ หลังจากที่ทะยานขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้
ณ เวลา 20.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 54 จุด หรือ 0.21% สู่ระดับ 26,011 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 5% ในเดือนนี้ โดยฟื้นตัวจากที่ดิ่งลงในเดือนพ.ค. ขณะที่นักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก รวมทั้งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.
ดัชนี CPI ได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาอาหาร แต่ถูกกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.9% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนเม.ย.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้น 0.1% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เมื่อเทียบรายเดือน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนเม.ย.
ตลาดการเงินได้เพิ่มการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ก็ได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 18-19 มิ.ย.
อย่างไรก็ดี FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และมีโอกาส 97% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.