ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 100 จุด บ่งชี้วอลล์สตรีทดีดตัว เก็งเฟดส่งสัญญาณลดดบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 18, 2019 20:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้และพรุ่งนี้

ณ เวลา 19.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 134 จุด หรือ 0.51% สู่ระดับ 26,272 จุด

ตลาดการเงินได้เพิ่มการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ก็ได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 18-19 มิ.ย.

อย่างไรก็ดี FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ โดยมีโอกาส 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และมีโอกาส 97% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.

ราคาหุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้นกว่า 1% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ หลังจากที่ทางบริษัททำการเปิดตัว Libra ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลล่าสุด

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน

นายดรากีกล่าวว่า ECB อาจทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หากเงินเฟ้อยังไม่แตะเป้าหมายของ ECB

ทั้งนี้ ECB ตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อให้ "อยู่ใกล้ แต่ไม่เกินระดับ 2%"

นายดรากียังระบุว่า หากเศรษฐกิจย่ำแย่ลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ECB ก็อาจประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อต้นเดือนนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมกับระบุว่า ECB จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ แสดงความไม่พอใจต่อนายดรากี ซึ่งได้ส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน และได้ทำให้ยูโรอ่อนค่าลงเทียบดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้ยุโรปได้เปรียบทางการค้าต่อสหรัฐ

"คุณมาริโอ ดรากีเพิ่งประกาศว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ยูโรอ่อนค่าลงเทียบดอลลาร์ และทำให้พวกเขาได้เปรียบในการแข่งขันต่อสหรัฐ พวกเขาทำเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว เช่นเดียวกับจีน และประเทศอื่นๆ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ