ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 8.41 จุด นลท.จับตา"ทรัมป์-สี จิ้นผิง"ในเวที G20

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 25, 2019 06:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ดี การร่วงลงของหุ้นกลุ่มสุขภาพได้ฉุดดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ ขณะที่นักลงทุนจับตาการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน นอกรอบการประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,727.54 จุด เพิ่มขึ้น 8.41 จุด หรือ +0.03% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,945.35 จุด ลดลง 5.11 จุด หรือ -0.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,005.70 จุด ลดลง 26.01 จุด หรือ -0.32%

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นจากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม โดยหุ้นโบอิ้ง ปรับตัวขึ้น 0.6% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.36% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 1.1%

ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุนตลาดเช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 0.14% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 0.5% และหุ้น Nvidia ดีดตัวขึ้น 0.6%

หุ้นซีซาร์ส เอนเตอร์เทนเมนท์ พุ่งขึ้น 14.5% หลังจากบริษัท เอลโดราโด รีสอร์ท อิงก์ ได้ตกลงซื้อกิจการของซีซาร์ส เอนเตอร์เทนเมนท์ ในวงเงิน 8.7 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสุขภาพเป็นปัจจัยฉุดตลาด โดยหุ้นเซลจีน คอร์ป ร่วงลง 5.5% หลังจากบริสทอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ประกาศแผนซื้อกิจการเซลจีน คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ ในวงเงิน 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นบริสทอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ดิ่งลง 7.4%

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มสุขภาพนั้น หุ้นเซนเทเน คอร์ป ดิ่งลง 1.8% หุ้นโมลินา เฮลธ์แคร์ ร่วงลง 2.2% หุ้นเฮลธ์แคร์ เซอร์วิส กรุ๊ป ร่วงลง 1.5% และหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ปรับตัวลง 1.05%

หุ้นเฟดเอ็กซ์ ร่วงลง 2.7% หลังจากเฟดเอ็กซ์ได้กระทำการผิดพลาดด้วยการส่งพัสดุ 2 ชิ้นที่จ่าหน้าถึงบริษัทหัวเว่ยในเอเชียไปยังสหรัฐ ซึ่งทำให้หน่วยงานภาครัฐของจีนได้ยื่นคำร้องเพื่อตรวจสอบเฟดเอ็กซ์ ในข้อหาละเมิดสิทธิตามกฎหมายและผลประโยชน์ของลูกค้าชาวจีน

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบที่ชะลอตัวลง โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล ลดลง 0.9% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 2.05% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.1% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ดิ่งลง 2.01% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 1.4% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 1.4%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่เมื่อวานนี้ เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ยิงโดรนของกองทัพสหรัฐตกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่นี้ พุ่งเป้าไปที่นายอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ผู้นำทางกองทัพของอิหร่านที่เกี่ยวข้องกับการยิงขีปนาวุธโจมตีโดรนของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสดีดตัวสู่ระดับ 8.9 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 6.3 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีมีค่าเป็นบวก ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตในเท็กซัสยังคงมีการขยายตัว

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ราคาบ้านเดือนเม.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จาก Conference Board, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค.,สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2562, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค., การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ