ดาวโจนส์ร่วง ไม่มั่นใจสหรัฐ-จีนปิดดีลสำเร็จ หลัง"สีจิ้นผิง"ตั้งเงื่อนไขก่อนยุติศึกการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 27, 2019 21:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนไม่มั่นใจต่อการเจรจาการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในวันเสาร์นี้ หลังสื่อรายงานว่า ผู้นำจีนเตรียมยื่นเงื่อนไขให้สหรัฐปฏิบัติตาม ก่อนที่จะมีการยุติสงครามการค้า

ณ เวลา 21.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,514.75 จุด ลบ 22.07 จุด หรือ 0.08%

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในวันเสาร์นี้เวลา 11.30 น.ตามเวลาญี่ปุ่น หรือ 09.30 น.ตามเวลาไทย

การประชุมทวิภาคีระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำจีนในครั้งนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่ถูกจับตามองมากที่สุดในการประชุมสุดยอด G20 เนื่องจากจะเป็นการชี้ชะตาว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะสิ้นสุดลง หรือจะยังคงยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน และเศรษฐกิจโลกต่อไป

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่จีนระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเตรียมยื่นเงื่อนไขในการยุติสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐให้แก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในระหว่างที่ผู้นำทั้งสองพบปะกันในวันเสาร์นี้

ในบรรดาเงื่อนไขที่จีนเรียกร้องต่อทางสหรัฐ ได้แก่ การให้สหรัฐยกเลิกคำสั่งห้ามการขายเทคโนโลยีของสหรัฐให้แก่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ รวมทั้งสหรัฐจะต้องยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนทั้งหมด และยกเลิกความพยายามที่จะให้จีนซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น

นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ยังคงย้ำให้สหรัฐยกเลิกการคว่ำบาตรบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ขณะที่จีนยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนในประเด็นการค้ากับสหรัฐ

"เราขอเรียกร้องให้สหรัฐยุติการใช้มาตรการกดดันและคว่ำบาตรต่อบริษัทหัวเว่ย และบริษัทอื่นๆของจีน โดยให้ผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน" นายเกากล่าว

นอกจากนี้ นายเการะบุว่า จีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ ตามที่นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี และผู้นำการเจรจาการค้าของจีนได้วางแนวทางไว้ในเดือนพ.ค.

"ผมขอย้ำว่าการทำสงครามการค้าไม่มีผู้ชนะ โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบในที่สุดคือบริษัทสหรัฐ และผู้บริโภคของสหรัฐ" นายเกากล่าว

การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในเดือนที่แล้ว โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้ ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10%

ปธน.ทรัมป์ยังขู่ว่า หากเขาและปธน.สี จิ้นผิงยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาการค้าช่วงสุดสัปดาห์นี้นอกรอบการประชุม G20 สหรัฐก็จะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลืออีก 3.5 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ทำให้บริษัทไม่สามารถซื้อสินค้าจากสหรัฐ และสหรัฐยังได้เพิ่มรายชื่อบริษัทจีนอีก 5 แห่งเข้าไปในบัญชีดำดังกล่าวในสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะเดียวกัน การร่วงลงของหุ้นโบอิ้ง ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาดในวันนี้

ทั้งนี้ ราคาหุ้นโบอิ้งดิ่งลงกว่า 3% หลังจากสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ระบุว่า โบอิ้งจะต้องจัดโครงการอบรมนักบินสำหรับเครื่องบินรุ่น 737 MAX ให้แก่หน่วยงานกำกับกฎระเบียบ รวมทั้งสายการบินทั่วโลก

แถลงการณ์ดังกล่าวของ IATA มีขึ้น หลังการประชุมที่เมืองมอนทรีออล ซึ่งมีตัวแทนจากสายการบินกว่า 40 แห่ง, หน่วยงานกำกับกฎระเบียบ และบริษัทอีกหลายแห่งเข้าร่วม

ก่อนหน้านี้ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) เปิดเผยว่า ทางสำนักงานพบปัญหาซอฟท์แวร์ครั้งใหม่ของเครื่องบิน 737 MAX

ทั้งนี้ เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ถูกสั่งห้ามบิน หลังจากเกิดอุบัติเหตุตกในอินโดนีเซียในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว และในเอธิโอเปียเมื่อเดือนมี.ค.ปีนี้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการขั้นสุดท้ายสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2562 ที่ระดับ 3.1% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเท่ากับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 แต่ต่ำกว่าระดับ 3.2% ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1

เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 4/2561

การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนในภาคธุรกิจ แม้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวครบรอบ 10 ปีในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนตา คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.9% ในไตรมาส 2

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 2,250 ราย สู่ระดับ 221,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ