ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่เยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาด นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนหมดหวังที่จะเห็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากในเดือนนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.72% ปิดที่ 390.11 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,593.72 จุด ลดลง 27.00 จุด หรือ -0.48% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,568.53 จุด ลดลง 61.37 จุด หรือ -0.49% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,553.14 จุด ลดลง 50.44 จุด หรือ -0.66%
ตลาดปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากการที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคการผลิตของเยอรมนีในเดือนพ.ค.ลดลงกว่าที่คาด หลังคำสั่งซื้อจากต่างประเทศร่วงลงอย่างหนัก โดยคำสั่งซื้อภาคการผลิตในเดือนพ.ค.ปรับตัวลง 2.2% เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนเมื่อเทียบรายปี ร่วงลงถึง 8.6%
สำหรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศในเดือนพ.ค. ลดลง 4.3% จากเดือนเม.ย. อย่างไรก็ดี คำสั่งซื้อในประเทศขยับขึ้น 0.7% ขณะที่ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า คำสั่งซื้อในภาคการผลิตเยอรมนีอาจปรับลงเพียง 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดัน เนื่องจากนักลงทุนหมดหวังที่จะเห็นเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในเดือนนี้ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 224,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งดีดตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จะเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่ง หลังขยายตัวเพียง 72,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เนื่องจากค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเพียง 6 เซนต์ หรือ 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 27.90 ดอลลาร์/ชั่วโมง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ค.
นักลงทุนจะจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์หน้า ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านการค้าส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้รับแรงกดดัน หลังจากบรรดาบริษัทเหล็กกล้ารายใหญ่ของจีนจัดตั้งกลุ่มเพื่อตรวจสอบการพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ของราคาสินแร่เหล็ก โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 2.46% หุ้นริโอ ทินโต ดิ่งลง 3.83% และหุ้น EVRAZ ร่วง 3.68%