ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) โดยหุ้นกลุ่มธนาคารถ่วงตลาดลง หลังหุ้นดอยซ์ แบงก์ร่วงลง แม้ธนาคารทำการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ นอกจากนี้ การที่นักลงทุนหมดหวังที่จะเห็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากในเดือนนี้ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคที่แข็งแกร่งเกินคาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น ได้ถ่วงตลาดลงด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.05% ปิดที่ 389.90 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,589.19 จุด ลดลง 4.52 จุด หรือ -0.08% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,543.51 จุด ลดลง 25.02 จุด หรือ -0.20% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,549.27 จุด ลดลง 3.87 จุด หรือ -0.05%
ตลาดปรับตัวลงตามหุ้นกลุ่มธนาคาร นำโดยหุ้นดอยซ์ แบงก์ ซึ่งร่วงลง 5.39% เนื่องจากนักลงทุนไม่แน่ใจเกี่ยวกับเป้าหมายการปรับโครงสร้างของธนาคาร
ทั้งนี้ ดอยซ์แบงก์ประกาศปรับลดพนักงาน 18,000 ตำแหน่ง เหลือ 74,000 ตำแหน่งภายในปี 2565, ปรับลดสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงลงราว 40% ในธุรกิจที่ประสบปัญหา และจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลในปี 2562 และ 2563
นอกจากนี้ ดอยซ์แบงก์เตรียมถอนตัวออกจากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ทั่วโลก และคาดว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 7.4 พันล้านยูโรภายในปี 2565 ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารขาดทุนราว 2.8 พันล้านยูโรในไตรมาส 2/2562 โดยธนาคารจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 25 ก.ค.
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลงด้วยตามหุ้นโรช โฮลดิ้ง ซึ่งลดลง 0.91% หลังบริษัทตกลงขยายกำหนดเส้นตายการเสนอเทคโอเวอร์บริษัท Spark Therapeutics ของสหรัฐเป็นมูลค่า 4.3 พันล้านดอลลาร์