ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 23.53 จุด หลัง"ทรัมป์"เผยสหรัฐ-จีนเจรจาการค้าไม่คืบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 17, 2019 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยว่า สหรัฐและจีนยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันหลังจากธนาคารรายใหญ่บางแห่งของสหรัฐเปิดเผยว่า รายได้จากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงในไตรมาส 2 แม้กำไรสุทธิออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก็ตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,335.63 จุด ลดลง 23.53 จุด หรือ -0.09% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,004.04 จุด ลดลง 10.26 จุด หรือ -0.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,222.80 จุด ลดลง 35.39 จุด หรือ -0.43%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนยังคงไม่คืบหน้า และยังคงอยู่ห่างไกลจากการบรรลุข้อตกลงทางการค้า พร้อมกับขู่ว่า สหรัฐสามารถเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ หากสหรัฐต้องการ

ความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์ทำให้นักลงทุนกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าอีกครั้ง และยังส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ถอยร่นลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวัน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ โดยธนาคารเจพีมอร์แกน เชส และเวลส์ ฟาร์โก เปิดเผยกำไรที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 แต่รายได้จากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับรายได้จากอัตราดอกเบี้ยของภาคธนาคารส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 2.9% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลง 0.57% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.8% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดตัวขึ้น 1.8% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวขึ้น 1.1%

สำหรับตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 ของธนาคารสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กำไรของซิตี้กรุ๊ปอยู่ที่ระดับ 1.95 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.80 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่กำไรของเจพีมอร์แกน เชส อยู่ที่ระดับ 2.82 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.50 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนกำไรของโกลด์แมน แซคส์อยู่ที่ระดับ 5.81 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.89 ดอลลาร์/หุ้น และกำไรของเวลส์ ฟาร์โกอยู่ที่ระดับ 1.30 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.15 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลง 1.6% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.58 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.46 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นโดมิโน พิซซา ดิ่งลง 8.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้และกำไรที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

หุ้น Beyond Meat พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากบริษัท Blue Apron ซึ่งเป็นบริษัทอุปกรณ์สำหรับทำอาหาร เปิดเผยสูตรอาหารตามฤดูกาลซึ่งจะมีโปรตีนจากโรงงานของบริษัท Beyond Meat รวมอยู่ในสูตรอาหารด้วย ขณะที่ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้น Blue Apron ทะยานขึ้น 35.5%

หุ้นเฟซบุ๊กปิดขยับลงเล็กน้อย หลังจากเฟซบุ๊กระบุว่าทางบริษัทจะยังไม่เปิดตัวสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่เรียกว่า Libra จนกว่าจะมีการคลี่คลายความวิตกด้านกฎระเบียบ ภายหลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐแสดงความกังวลว่า สกุลเงิน Libra อาจถูกใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% จากระดับ 0.4% ในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนเม.ย.

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ โดยขณะนี้ มีบริษัทราว 5% ของดัชนี S&P 500 ที่ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มากกว่า 85% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการลดลง 3% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงของผลประกอบการรายไตรมาสครั้งแรกในรอบ 3 ปี

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้ง 12 ภาคในวันนี้ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.จาก Conference Board และ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ