ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 177.29 จุด รับผลประกอบการสดใส,เจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 24, 2019 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงโคคา โคล่า และยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะจัดการเจรจาการค้าในสัปดาห์หน้า รวมทั้งข่าวทำเนียบขาวและสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,349.19 จุด เพิ่มขึ้น 177.29 จุด หรือ +0.65% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,005.47 จุด เพิ่มขึ้น 20.44 จุด หรือ +0.68% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,251.40 จุด เพิ่มขึ้น 47.27 จุด หรือ +0.58%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยโคคา โคล่า เปิดเผยกำไรไตรมาส 2 ที่ระดับ 63 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 61 เซนต์/หุ้น ซึ่งรายงานดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นโคคา โคล่า ปิดตลาดพุ่งขึ้น 6.03%

หุ้นไบโอเจน ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรพุ่งขึ้น 72.4% ในไตรมาส 2 โดยได้ปัจจัยหนุนจากยอดขาย Tecfidera ซึ่งเป็นยารักษาเส้นโลหิตตีบ รวมทั้งจากการที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านการพัฒนาและวิจัยที่ลดลง

หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ปรับตัวขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.20 ดอลลาร์/หุ้น มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.04 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นแฮสโบร ซึ่งเป็นผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 9.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดีเกินคาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขรายได้ที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

รายงานระบุว่า ขณะนี้บริษัทจำนวนมากกว่า 18% ของดัชนี S&P 500 ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว ราว 79% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจะทะเบียนรายอื่นๆ โดยบริษัทจำนวนมากกว่า 25% ในดัชนี S&P 500 จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ แมคโดนัลด์ และโบอิ้ง รวมถึงบริษัทในกลุ่ม FANG ซึ่งได้แก่ เฟซบุ๊ก อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล

นอกเหนือจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนหลังจากหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ จะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งในสัปดาห์หน้า เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งจะเป็นการพบปะกันแบบตัวต่อตัวครั้งแรก นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ตกลงกันในระหว่างการประชุม G20 ว่า ทั้งสองฝ่ายจะสงบศึกการค้าชั่วคราว และจะจัดการเจรจาร่วมกันอีกครั้ง

นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวที่ว่า ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายฉบับใหม่ ซึ่งจะทำให้มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐเป็นเวลา 2 ปี และหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ครั้งใหม่

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองดิ่งลง 1.7% สู่ระดับ 5.27 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านจะลดลงเพียง 0.2% สู่ระดับ 5.33 ล้านยูนิต จากระดับ 5.36 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดริชมอนด์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2562


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ