ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน และจากการที่รัฐบาลสหรัฐและสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณรายจ่าย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.98% ปิดที่ 391.54 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,618.16 จุด เพิ่มขึ้น 51.15 จุด หรือ +0.92% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,490.74 จุด เพิ่มขึ้น 201.34 จุด หรือ +1.64% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,556.86 จุด เพิ่มขึ้น 41.93 จุด หรือ +0.56%
ตลาดปรับตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะจัดการเจรจาการค้าในสัปดาห์หน้า โดยหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ จะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งในสัปดาห์หน้า เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐและสมาชิกระดับแกนนำในสภาคองเกรส ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณแล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมงบประมาณเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งจะทำให้มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ปรับตัวขึ้นนำตลาด โดยหุ้นเดมเลอร์ พุ่งขึ้น 4.35% หุ้นคอนติเนนทัล ทะยานขึ้น 6.31% หุ้นเปอโยต์ พุ่ง 3.70% และ หุ้นเรโนลต์ บวก 2.53%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นด้วย เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารยูบีเอสรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี โดยหุ้นโซซิเอเต้ เจเนอราล พุ่งขึ้น 3.13% และหุ้นเอชเอสบีซี บวก 0.51%