ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด นักลงทุนจับตาผลประกอบการ,ประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 25, 2019 21:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน, การประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 21.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,161.41 จุด ลบ 108.56 จุด หรือ 0.40%

ขณะนี้ บริษัทจำนวน 33% ของดัชนี S&P 500 ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว ราว 75% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด

บริษัทอัลฟาเบท, อเมซอน, อินเทล, สตาร์บัค และแมทเทล มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการ หลังปิดตลาดวันนี้

ราคาหุ้นของบริษัทฟอร์ดดิ่งลง 6% หลังจากรายงานผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่ราคาหุ้นโบอิ้งร่วงลง 3.5% หลังจากประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักในไตรมาส 2 โดยมีสาเหตุจากการที่เครื่องบิน 737 MAX ยังคงถูกสั่งห้ามบิน

บริษัทเฟซบุ๊ก อิงค์เปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาส 2 โดยได้ปัจจัยบวกจากรายได้โฆษณาที่พุ่งขึ้น

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.99 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.88 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน บริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ 7.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.87 ดอลลาร์

บริษัทคอมแคสต์ สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่รายได้ต่ำกว่าคาด

ทั้งนี้ คอมแคสต์เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 78 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 75 เซนต์/หุ้น อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 2.686 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.706 หมื่นล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

นอกจากนี้ ECB ระบุว่า จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไป หรือปรับลดลง อย่างน้อยจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563

"กรรมการบริหารของ ECB ได้มอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมระบบการเงินยุโรปทำการศึกษาทางเลือกต่างๆ ซึ่งรวมถึงแนวทางการชี้นำนโยบายการเงิน, การใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดขนาดและองค์ประกอบของการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่" แถลงการณ์ของ ECB ระบุ

แถลงการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือทำการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนก.ย.

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ก.ค. รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนที่นครเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 30-31 ก.ค.เช่นกัน

นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้

ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ แสดงความเชื่อมั่นต่อการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ นายมนูชิน และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ จะเดินทางไปยังจีนในวันจันทร์หน้า เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่จีนในวันอังคารและวันพุธ

"เรามีประเด็นที่ต้องหารือมากมาย ผมคาดหวังว่าหลังจากการประชุมครั้งนี้แล้ว เราจะมีการประชุมอีกครั้งที่วอชิงตัน ดีซี และหวังว่าเราจะยังคงมีความคืบหน้าต่อไป" นายมนูชินกล่าว

นายมนูชินยังกล่าวว่า การที่จีนเลือกสถานที่เจรจาเป็นนครเซี่ยงไฮ้ แทนที่จะเป็นกรุงปักกิ่ง ถือเป็นการสื่อความหมายที่ดี เนื่องจากนครเซี่ยงไฮ้เป็นสถานที่ซึ่งสหรัฐและจีนได้ลงนามในแถลงการณ์เซี่ยงไฮ้ในปี 2515 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ