ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 500 จุดในวันนี้ ขานรับข่าวที่ว่า สหรัฐได้ชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 1 ก.ย. พร้อมกับถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่
ณ เวลา 21.26 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,384.52 จุด บวก 486.81 จุด หรือ 1.88%
สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ประกาศถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ โดยระบุถึงปัจจัยด้านสุขภาพ, ความปลอดภัย และความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10%
นอกจากนี้ USTR ยังได้ระบุว่า การเก็บภาษีต่อสินค้าประเภทอื่นจะมีการชะลอออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค.
ทั้งนี้ สินค้าที่ได้รับการชะลอการจัดเก็บภาษี ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ คอนโซลวิดีโอเกม ของเล่น จอมอนิเตอร์ รองเท้า และเสื้อผ้า
การประกาศดังกล่าวของ USTR มีขึ้นในวันนี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีกำหนดเจรจาการค้าในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐใกล้ที่จะเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีใกล้ดีดตัวเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งจะบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ณ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.658% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.685% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ขยับขึ้นสู่ระดับ 2.135%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
ทั้งนี้ การเกิดภาวะ inversion ของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มเผชิญภาวะถดถอย
นักลงทุนจับตาค่าสเปรดระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี เนื่องจากการเกิดภาวะ inversion ของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าว ได้บ่งชี้ภาวะถดถอยในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน, การทรุดตัวของค่าเงินเปโซของอาร์เจนตินา, การอ่อนค่าของสกุลเงินหยวนของจีน รวมทั้งการชุมนุมประท้วงรัฐบาลฮ่องกง
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ติดต่อกัน 2 เดือน
การดีดตัวขึ้นของดัชนี CPI ทั่วไปได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมิ.ย.
ขณะเดียวกัน สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 1.4 จุด สู่ระดับ 104.7 ในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ NFIB ยังระบุว่า เจ้าของกิจการจำนวนมากมีความมั่นใจต่อยอดขาย, ภาวะเศรษฐกิจ และการขยายธุรกิจในอนาคต