ดาวโจนส์ฟื้นตัว หลังทรุดหนักวานนี้ ท่ามกลางความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 15, 2019 21:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟื้นตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากทรุดตัวลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ณ เวลา 21.49 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,501.36 จุด บวก 21.94 จุด หรือ 0.09%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 800 จุดเมื่อคืนนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve หรือภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 17 ปี และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีที่หดตัวลงในไตรมาส 2

การดิ่งลงกว่า 800 จุดของดัชนีดาวโจนส์วานนี้ ถือเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในปีนี้ และเป็นสถิติการทรุดตัวลงหนักที่สุดเป็นอันดับ 4 ของดัชนีดาวโจนส์

อย่างไรก็ดี ตลาดได้ปัจจัยบวกในวันนี้ จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐไม่ได้เกิดภาวะ inverted yield curve โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีปรับตัวต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีเริ่มปรับตัวเหนือระดับ 2% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อขายช่วงแรกในวันนี้ หลุดระดับ 2% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้แรงหนุนจากการที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ระบุว่า จีนหวังว่าจะสามารถพบสหรัฐครึ่งทางในประเด็นการค้า

"เราหวังว่าสหรัฐจะพบกับจีนครึ่งทาง และดำเนินการตามข้อตกลงที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายบรรลุในการประชุมที่นครโอซากา ขณะที่มองหาแนวทางที่ยอมรับได้ร่วมกัน ผ่านทางการหารือกันบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน และการเคารพซึ่งกันและกัน" นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าว

แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศจีนถือเป็นการแสดงท่าทีที่อ่อนลงของจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังของจีนแถลงว่า จีนจะใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐต่อการเรียกเก็บภาษีจากจีน

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังของจีนแถลงในวันนี้ว่า จีนจะใช้มาตรการตอบโต้ที่จำเป็นต่อการที่สหรัฐจะขึ้นภาษี 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ กระทรวงยังระบุว่า มาตรการทางภาษีของสหรัฐเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ผู้นำสหรัฐและจีนเห็นพ้องกันในการเจรจาแก้ไขข้อพิพาททางการค้า

การแถลงของกระทรวงการคลังของจีนมีขึ้น แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตัดสินใจชะลอการขึ้นภาษีสินค้าจีนบางส่วนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 1 ก.ย. เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของชาวสหรัฐในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ขู่ว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.

ทั้งนี้ สินค้าที่ได้รับการชะลอการจัดเก็บภาษี ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ คอนโซลวิดีโอเกม ของเล่น จอคอมพิวเตอร์ รองเท้า และเสื้อผ้า

นอกจากนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ยังได้ถอดสินค้าบางรายการออกจากบัญชีสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% จากระดับ 0.3% ในเดือนมิ.ย.

การดีดตัวขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือนก.ค.ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายเสื้อผ้า และเฟอร์นิเจอร์ แม้ว่ายอดขายรถยนต์ลดลงก็ตาม

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 214,000 ราย

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.8 ในเดือนส.ค. จากระดับ 4.3 ในเดือนก.ค.

ส่วนเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ลดลงสู่ระดับ 16.8 ในเดือนส.ค. หลังจากแตะระดับ 21.8 ในเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ