ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากสหรัฐและจีนเดินหน้าใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติมระหว่างกันเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในฮ่องกง หลังจากผู้ประท้วงได้บุกเข้าสนามบินนานาชาติฮ่องกงเมื่อวานนี้ จนส่งผลให้ระบบการขนส่งทั้งทางอากาศและทางบกของฮ่องกงได้รับผลกระทบ
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 25,602.57 จุด ลดลง 122.16 จุด หรือ -0.47% ขณะที่ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 20,653.99 จุด ลดลง 50.38 จุด หรือ -0.24% ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดชดเชยปีใหม่อิสลาม
สหรัฐและจีนได้เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าตามแผนการเดิมแล้วเมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) โดยในรอบนี้ รัฐบาลสหรัฐได้เริ่มเก็บภาษี 15% จากสินค้าจีนมูลค่าประมาณ 1.25 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึง สมาร์ทวอทช์ ทีวีจอแบน และรองเท้า ขณะที่จีนได้เริ่มเก็บภาษี 5% จากการนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐเมื่อวานนี้เช่นกัน
ราคาหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์และกาสิโนในตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้านี้ หลังจากเหตุการณ์ประท้วงในช่วงสุดสัปดาห์ได้ส่งผลกระทบต่อสนามบินนานาชาติฮ่องกง รวมทั้งการบริการขนส่งมวลชน
เมื่อเวลา 10.47 น.ตามเวลาท้องถิ่น ราคาหุ้นซิโน แลนด์ และหุ้นไฮแซน ดีเวลลอปเมนท์ ทรุดตัวลงกว่า 4.5% ขณะที่หุ้นเอ็มทีอาร์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟใต้ดิน ดิ่งลง 3.5% หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงได้สร้างความเสียหายต่อสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งและทำให้การบริการต้องหยุดชะงัก
ส่วนหุ้นแซนด์ส ไชน่า หุ้นวินน์ มาเก๊า และหุ้นเอ็มจีเอ็ม ไชน่า โฮลดิ้ง ต่างก็ร่วงลงกว่า 3% ในช่วงเช้านี้ หลังจากมีรายงานว่า รายได้จากธุรกิจกาสิโนในมาเก๊า ร่วงลงในเดือนส.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในช่วงเช้านี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 50.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 49.9 ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.ออกมาสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 49.8
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว และหากดัชนี PMI เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จะบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต