ดาวโจนส์ทรุดกว่า 400 จุด ใกล้หลุด 26,000 สงครามการค้าทุบภาคผลิตสหรัฐหดตัวครั้งแรกรอบ 3 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 3, 2019 21:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ทรุดฮวบกว่า 400 จุดในวันนี้ หลังผลสำรวจพบว่า ภาคการผลิตสหรัฐหดตัวลงในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี

นอกจากนี้ บรรยากาศในตลาดยังได้รับผลกระทบจากการที่มาตรการตอบโต้ทางภาษีของสหรัฐและจีนเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ณ เวลา 21.27 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,000.49 จุด ลบ 402.79 จุด หรือ 1.53%

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดทำการเมื่อวานนี้ เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 49.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559 จากระดับ 51.2 ในเดือนก.ค.

ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2559 หลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกัน 36 เดือน

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 จากระดับ 50.4 ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดัชนี PMI ถูกกดดันจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ โดยคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่การจ้างงานทรงตัว

หุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์ดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ

ทั้งนี้ สหรัฐประกาศเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 1 ก.ย. ขณะที่จีนก็ได้เรียกเก็บภาษีตอบโต้สหรัฐเช่นกัน

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐและจีนยังคงมีกำหนดเจรจาการค้าในเดือนนี้ แม้ทั้งสองฝ่ายมีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ระหว่างกัน

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความในวันนี้ กดดันให้จีนรีบทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ มิฉะนั้นการเจรจาจะยากลำบากมากขึ้น หากเขาชนะการเลือกตั้งในปีหน้า และกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่ง

"เรากำลังทำได้ดีในการเจรจาการค้ากับจีน ซึ่งผมมั่นใจว่าพวกเขาต้องการเจรจากับรัฐบาลชุดใหม่เพื่อให้สามารถขูดรีดสหรัฐต่อไป (6 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี) โดยระยะเวลากว่า 16 เดือนถือเป็นเวลานานที่สหรัฐจะต้องสูญเสียการจ้างงาน และบริษัทหลายแห่ง และคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับจีน ถ้าหากผมชนะการเลือกตั้ง การทำข้อตกลงก็จะยากลำบากมากขึ้น โดยในระหว่างนี้ ห่วงโซ่อุปทานของจีนจะทรุดตัวลง ขณะที่ธุรกิจ การจ้างงาน และเม็ดเงินก็จะหายไปด้วย" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์เคยกล่าวโจมตีรัฐบาลจีนว่า จีนตั้งใจถ่วงเวลาการเจรจาการค้า เพื่อรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า

"จีนควรซื้อสินค้าเกษตรของเราตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าพวกเขาจะทำสิ่งนี้ นี่เป็นปัญหาของจีน พวกเขาไม่ยอมทำตามสัญญา เจ้าหน้าที่ของผมกำลังเจรจากับพวกเขาในขณะนี้ แต่พวกเขามักเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในท้ายที่สุดเพื่อให้พวกเขาได้เปรียบ และพวกเขาคงกำลังรอผลการเลือกตั้งของเรา เพื่อดูว่านายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตจะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือไม่ ซึ่งถ้านายไบเดนชนะ จีนก็จะทำข้อตกลงเหมือนอย่างที่เคยทำมาในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยยังคงเอาเปรียบสหรัฐมากขึ้น และรุนแรงขึ้น แต่ถ้าผมชนะเลือกตั้งในปีหน้า จีนก็จะต้องเผชิญกับการทำข้อตกลงที่ยากลำบากกว่าที่พวกเขากำลังเจรจาในขณะนี้ หรืออาจจะไม่สามารถทำข้อตกลงได้ ตอนนี้เรามีไพ่อยู่ในมือแล้ว ซึ่งผู้นำสหรัฐก่อนหน้านี้ไม่เคยมี" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

รัฐบาลจีนได้ยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เมื่อวานนี้เกี่ยวกับการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน โดยจีนอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดฉันทามติที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายทำไว้ที่นครโอซากา

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองในอังกฤษ หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ รวมทั้งสมาชิกบางรายที่แปรพักตร์จากพรรคร่วมรัฐบาล ได้เข้าชื่อเพื่อยื่นขออภิปรายฉุกเฉินในรัฐสภาวันนี้ ในความพยายามที่จะสกัดนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี มิให้นำอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 31 ต.ค. โดยไม่มีการทำข้อตกลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ