ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ทั้งในแดนบวกและลบ ภายหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติ 7-3 เสียงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,183.53 จุด เพิ่มขึ้น 222.82 จุด, +1.01% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,421.91 จุด ลดลง 332.21 จุด, -1.24% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,594.46 จุด ลดลง 5.03 จุด, -0.31%
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เฟดจะไม่ใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต โดยระบุว่าเฟดเคยพิจารณาเรื่องดังกล่าวในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินปี 2551
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านการธนาคารนั้น ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษในการประชุมวันนี้ แม้เผชิญแรงกดดันให้ดำเนินนโยบายตามธนาคารกลางของประเทศอื่นๆที่พากันผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน
ภายหลังการประชุมระยะเวลา 2 วันสิ้นสุดลงในวันนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ BOJ มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และคงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวไว้ใกล้ระดับศูนย์ นอกจากนี้ ยังได้คงขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ในปริมาณมากเช่นกัน
ขณะที่ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 2.25% ในวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 5.3% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 12 เดือน
รายงานของ ABS ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานโดยรวมในเดือนส.ค.ปรับตัวลดลง 15,500 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการจ้างงานพาร์ทไทม์เพิ่มขึ้น 50,200 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขประชาชนที่ออกจากงานเพิ่มขึ้น 4,100 ตำแหน่ง ทำให้ยอดรวมการว่างงานปัจจุบันของออสเตรเลียอยู่ที่ 716,800 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว