ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) หลังจากนักลงทุนซึมซับข่าวการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ รวมทั้งมุมมองบวกที่มีต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,094.79 จุด ลดลง 52.29 จุด หรือ -0.19% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,006.79 จุด เพิ่มขึ้น 0.06 จุด หรือ +0.00% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,182.88 จุด เพิ่มขึ้น 5.49 จุด หรือ +0.07%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนซึมซับข่าวเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมเมื่อวันพุธตามคาด แต่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในอนาคต
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง โดยหุ้นโบอิ้ง ลดลง 0.5% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ลดลง 0.7% หุ้นอีตัน คอร์ป ลดลง 0.5% หุ้น 3M ลดลง 0.2% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.49%
หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนจำนวน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะเพิ่มการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสอีก 5 เซนต์ สู่ระดับ 51 เซนต์/หุ้น
การพุ่งขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ช่วยหนุนหุ้นบางตัวในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.06% หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 0.2% และหุ้นบรอดคอม พุ่งขึ้น 1.01%
หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพดีดตัวขึ้น หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เสนอนโยบายการกำหนดราคายา ซึ่งคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทำเนียบขาว โดยหุ้นไฟเซอร์ เพิ่มขึ้น 0.36% หุ้นเมิร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 1.14% หุ้นอเล็กเซียน ฟาร์มาซูติคอลส์ พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 1.03% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพปรับตัวขึ้น 0.47%
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในระดับรัฐมนตรีช่วยที่กรุงวอชิงตัน เพื่อปูทางการประชุมระดับรัฐมนตรีในเดือนหน้า ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เชื่อว่า สหรัฐและจีนอาจบรรลุข้อตกลงทางการค้าในไม่ช้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 1.3% สู่ระดับ 5.49 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐลดลง 5.9% สู่ระดับ 1.282 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 จากระดับ 1.362 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1
ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ทรงตัวในเดือนส.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 112.1 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 208,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 213,000 ราย