ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หลังการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐต่ำสุดรอบกว่า 10 ปี และหดตัวเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ย.
ณ เวลา 21.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,793.48 จุด ลบ 123.35 จุด หรือ 0.46% หลังจากดีดตัวขึ้นในช่วงแรก
หุ้นในกลุ่มผู้ผลิต เช่น 3M และฮันนีเวลล์ ดิ่งลง 1% หลังการเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตที่ซบเซา
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 จากระดับ 49.1 ในเดือนส.ค.
ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2
ภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะหดตัวในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี หลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกัน 35 เดือน
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงเช่นกัน ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง
สื่อรายงานว่า สหรัฐเตรียมจำกัดการลงทุนในจีน และปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ
อย่างไรก็ดี นางโมนิกา ครอว์ลีย์ โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐ แถลงว่า ในขณะนี้รัฐบาลสหรัฐยังไม่มีแผนที่จะปิดกั้นไม่ให้บริษัทจีนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ
"คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่มีแผนที่จะห้ามบริษัทจีนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐในขณะนี้" นางครอว์ลีย์กล่าว แต่ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะดำเนินมาตรการอื่นๆ
การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีขึ้นในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน ขณะที่นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนเร็วกว่าที่คาดไว้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลกระทบจากการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง