ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุนลท.วิตกศก.โลกชะลอตัวหลังภาคการผลิตสหรัฐ,ยูโรโซนหดตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 2, 2019 07:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี และหดตัวเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ย. ขณะที่ภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงเผชิญภาวะหดตัวในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 1.31% ปิดที่ 387.99 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,597.63 จุด ลดลง 80.15 จุด หรือ -1.41%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,263.83 จุด ลดลง 164.25 จุด หรือ -1.32% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,360.32 จุด ลดลง 47.89 จุด หรือ -0.65%

ตลาดปรับตัวลง โดยถูกกดดันหลังผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2552 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 50.2 จากระดับ 49.1 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ และเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 45.7 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2555 จากระดับ 47.0 ในเดือนส.ค. โดยดัชนี PMI ยังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงเผชิญภาวะหดตัวในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน

หุ้นที่ทำธุรกิจในฮ่องกงและเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วงรุนแรงในฮ่องกงที่ดำเนินมาเป็นเดือนที่ 4 แล้ว อาทิ หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 2.54%, หุ้นเอชเอสบีซี ลบ 1.07% และ หุ้นหลุยส์ วิตตอง ร่วง 2.07%

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลงตามหุ้นแอสตราเซเนกาซึ่งร่วงลง 1.7% หลังสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ไม่อนุมัติยาของบริษัทในการรักษาโรคปอดสำหรับผู้สูบบุหรี่

หุ้นเคอริ่งและหุ้นลอรีอัลของฝรั่งเศสร่วง 2.97% และ 2.65% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นดอยซ์ โพสต์และหุ้นไบเออร์ของเยอรมนีร่วง 3.92% และ 3.42% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นเบอเบอร์รีและหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ของอังกฤษ ร่วงลง 2.99 และ 2.94% ตามลำดับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ