ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าทั้งแดนบวกและลบ เหตุวิตก Brexit หลังนายกฯอังกฤษขัดแย้งครม.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 21, 2019 11:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ทั้งแดนบวกและลบ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ภายหลังจากที่รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลอังกฤษยืนยันว่า อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) ตามกำหนดในวันที่ 31 ต.ค.นี้ แม้ว่านายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ส่งจดหมายถึงสหภาพยุโรป (EU) เพื่อขอเลื่อนเวลา Brexit ภายหลังจากสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษได้ลงมติเลื่อนการตัดสินใจรับรองข้อตกลง Brexit ที่นายจอห์นสันทำร่วมกับ EU

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,555.34 จุด เพิ่มขึ้น 62.66 จุด, +0.28% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,806.18 จุด เพิ่มขึ้น 86.60 จุด, +0.32% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,568.75 จุด ลดลง 2.40 จุด, -0.15%

นายไมเคิล โกฟ หนึ่งในสมาชิกคณะรัฐมนตรีของนายจอห์นสันซึ่งทำหน้าที่เตรียมความพร้อมในกรณี no-deal Brexit กล่าวว่า "อังกฤษจะออกจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค.อย่างแน่นอน และเราเชื่อว่าเราสามารถทำได้"

นายโกฟยังกล่าวด้วยว่า "จดหมายที่นายกรัฐมนตรีจอห์นสันได้ยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นข้อกำหนดที่จำเป็นต้องทำ แต่สภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของนายกรัฐมนตรีได้ และสภาฯก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือความตั้งใจของรัฐบาลได้เช่นกัน"

ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรอังกฤษลงมติสนับสนุนการแปรญัตติให้เลื่อนการตัดสินใจรับรองข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ฉบับของนายบอริส จอห์นสัน

ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ราคาบ้านในเมืองขนาดใหญ่ 70 เมืองของจีนยังคงมีเสถียรภาพ โดยราคาบ้านในเมืองขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนก.ย.

รายงานของ NBS ระบุว่า ราคาบ้านใหม่ใน 4 เมืองหลักของจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และกว่างโจว ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.1% จากอัตราการขยายตัวในเดือนส.ค.

สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ในช่วง 20 วันแรกของเดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 2.68 หมื่นล้านดอลลาร์ ร่วงลง 19.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.33 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และเรือที่ลดน้อยลง

เมื่อพิจารณาสินค้าเป็นรายประเภทพบว่า ยอดส่งออกผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ และปิโตรเลียม ร่วงลง 28.8% และ 38.4% ตามลำดับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ