ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) โดยยังคงแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 4 ปี เนื่องจากแรงซื้อหุ้นที่เกี่ยวกับผู้บริโภคและกลุ่มธนาคารได้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มรถยนต์, เหมืองแร่ และกลุ่มเวชภัณฑ์ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าครั้งใหม่ของการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.21% ปิดที่ 405.07 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,866.74 จุด เพิ่มขึ้น 19.85 จุด หรือ +0.34%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,179.89 จุด เพิ่มขึ้น 31.39 จุด หรือ +0.24% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,396.65 จุด เพิ่มขึ้น 8.57 จุด หรือ +0.12%
ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
แรงซื้อหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2562 ที่แข็งแกร่งเกินคาด ได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปด้วย
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นด้วย โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารโซซิเอเต เจเนอราลของฝรั่งเศส ปรับเพิ่มอัตราส่วนเงินทุน แม้จะมีกำไรไตรมาส 3 ลดลงก็ตาม และ จากความหวังว่า การปฏิรูปภาคธนาคารครั้งใหม่อาจเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ในเขตยูโรโซน
หุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส, หุ้นเซนทริกา และ หุ้นแอสโซซิเอเต็ด บริติช ฟู้ด ของอังกฤษ ปรับตัวขึ้น 2.39%, 2.20% และ 2.02% ตามลำดับ
หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล, หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ และ หุ้นซาฟราน ของฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 3.41%, 1.57% และ 2.56% ตามลำดับ
หุ้นเฮงเคล และ หุ้นไบเออร์สดอร์ฟ ของเยอรมนี ปรับตัวขึ้น 1.94% และ 1.85% ตามลำดับ