ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 4 ปี เนื่องจากนักลงทุนขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และการเปิดเผยผลประกอบการเชิงบวกจากบริษัทจดทะเบียนในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.37% ปิดที่ 406.56 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,890.99 จุด เพิ่มขึ้น 24.25 จุด หรือ +0.41%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,289.46 จุด เพิ่มขึ้น 109.57 จุด หรือ +0.83% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,406.41 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด หรือ +0.13%
ตลาดขานรับข่าวความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่ายที่มีการกำหนดขึ้นในช่วงที่สหรัฐและจีนทำสงครามการค้าก่อนหน้านี้ และสำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า จีนกำลังพิจารณาที่จะยกเลิกข้อจำกัดการนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดจากบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ในยุโรป อาทิ หุ้นซีเมนส์ พุ่งขึ้น 4.89% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4/2562 สูงเกินคาด
หุ้นธนาคารยูนิเครดิต พุ่ง 5.96% หลังประกาศแผนซื้อคืนหุ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี และเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นเครดิต อะกริโคล บวก 3.37%
หุ้นสายการบินลุฟท์ฮันซ่า ทะยานขึ้น 6.84% หลังเปิดเผยผลกำไรและรายได้สูงเกินคาดในไตรมาส 3/2562