ดาวโจนส์ปรับตัวแคบ ก่อน"พาวเวล"กล่าวแถลงการณ์ต่อคองเกรส

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 13, 2019 22:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบในวันนี้ ก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกล่าวแถลงการณ์ต่อสภาคองเกรส

ณ เวลา 22.13 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,674.63 จุด ลบ 16.86 จุด หรือ 0.06%

ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันนี้ เวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย

อย่างไรก็ดี ขณะนี้สื่อมวลชนได้นำร่างแถลงการณ์ของนายพาวเวลออกเผยแพร่ก่อนกำหนด โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาระบุว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ ตราบใดที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงดำเนินไปตามแนวทางปัจจุบัน

แถลงการณ์ยังระบุว่า นายพาวเวลจะกล่าวย้ำว่า การที่เฟดใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในปีนี้ ได้ช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

"เรามองว่านโยบายการเงินในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมีความเหมาะสมต่อไป ตราบใดที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่เข้ามายังคงสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ว่า เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวปานกลาง, ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้เป้าหมายของเราที่ระดับ 2%" นายพาวเวลกล่าวในร่างแถลงการณ์ที่มีการเตรียมไว้

นอกจากนี้ นายพาวเวลจะกล่าวว่า การที่เฟดได้ทำการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ตลาดการเงินในเดือนก.ย. เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในตลาด หลังจากที่เกิดความผันผวนต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืน ท่ามกลางสภาพคล่องที่ตึงตัวนั้น ถือเป็นการดำเนินการทางด้านเทคนิค ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการเงินของเฟดแต่อย่างใด แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวทำให้เฟดมีงบดุลเพิ่มขึ้น 2.70 แสนล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตากระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ซึ่งได้ก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญในวันนี้ โดยสภาคองเกรสจะทำการไต่สวนพยาน 3 คนอย่างเปิดเผย และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถ่ายทอดสดการไต่สวนดังกล่าว ซึ่งเริ่มขึ้นในเวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย

พรรคเดโมแครตได้เชิญตัวนักการทูต 3 รายเข้าให้ปากคำในวันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เคยให้การเกี่ยวกับการติดต่อกันระหว่างปธน.ทรัมป์และผู้นำยูเครน

ส่วนพรรครีพับลิกันจะทำการซักค้านนักการทูตทั้ง 3 เพื่อแสดงให้เห็นว่าปธน.ทรัมป์ไม่ได้ละเมิดกฎหมายในการที่เขาขอให้นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ทำการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน

ทั้งนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศเริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนต.ค. หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายเซเลนสกีเพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายไบเดน และบุตรชายของเขา โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ

นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากทรงตัวในเดือนก.ย.

การดีดตัวของดัชนี CPI ทั่วไปได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน, อาหาร และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพ

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบรายปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ