ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์นำตลาดร่วงลง แต่แรงซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัยช่วยพยุงตลาดไม่ให้ปรับตัวลงมากนัก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.01% ปิดที่ 405.99 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,929.79 จุด ลดลง 9.48 จุด หรือ -0.16% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,207.01 จุด ลดลง 34.74 จุด หรือ -0.26% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,307.70 จุด เพิ่มขึ้น 4.76 จุด หรือ +0.07%
ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอีกครั้ง หลังสำนักข่าว CNBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนไม่มีความเชื่อมั่นในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ปฏิเสธที่จะยกเลิกการปรับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน หุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ร่วงลง โดยหุ้นของบริษัทโฟล์คสวาเกนของเยอรมนีนำตลาดร่วงลง 4.10% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรและยอดขาย อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของภาคธุรกิจรถยนต์ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทเดมเลอร์และบริษัทคอนติเนนทัลก็ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับการลงทุนที่สูงขึ้นในด้านเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับและรถยนต์ปลอดไอเสียที่เป็นมลพิษ หุ้นเปอร์โยต์ร่วงลง 3.28% หลังดอยซ์ แบงก์ ปรับลดอันดับความน่าลงทุนลงสู่ "ถือ" หุ้นบีเอ็มดับบลิว ลดลง 1.84% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มเฮล์แคร์ ซึ่งช่วยพยุงตลาดไม่ให้ปรับตัวลงมากนัก โดยหุ้นซาโนฟีของฝรั่งเศส บวก 1.60%, หุ้นฟรีซีเนียส เมดิคัลของเยอรมนี บวก 2.05% และหุ้นเอ็นเอ็มซี เฮลธ์ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 3.41%