ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการแสดงความเห็นที่เกี่ยวกับการค้าของทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน แม้ว่าหลายประเทศในยูโรโซนเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตออกมาต่ำกว่าคาดก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.44% ปิดที่ 403.98 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,893.13 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,163.88 จุด เพิ่มขึ้น 26.18 จุด หรือ +0.20% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,326.81 จุด เพิ่มขึ้น 88.26 จุด หรือ +1.22%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวว่า จีนจะร่วมมือกับสหรัฐในการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และความเท่าเทียมกัน
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในเวลาต่อาว่า สหรัฐใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในไม่ช้านี้ โดยสหรัฐมีโอกาสที่ดีในการทำข้อตกลง
ทั้งนี้ หุ้นยุโรปที่อ่อนไหวกับการค้า อาทิ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้นอย่างมากรับความเห็นเชิงบวกจากผู้นำสหรัฐและจีน อาทิ หุ้นเกล็นคอร์ พุ่ง 3.05% และหุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 2.29%
อย่างไรก็ตาม ตลาดถูกกดดันในช่วงแรกจากการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของหลายประเทศในยุโรปหดตัวลง โดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 50.6 ในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหราชอาณาจักร และเยอรมนี หดตัวลงด้วย โดยดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ในเดือนพ.ย.
ส่วนดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของฝรั่งเศสยังคงขยายตัว โดยอยู่ที่ระดับ 52.7 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 52.6 ในเดือนต.ค.