ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ จากวิตกแนวโน้มการค้าสหรัฐ-จีน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ภายหลังจากที่ทางการจีนออกแถลงการณ์เตือนสหรัฐว่า จีนอาจจะใช้มาตรการตอบโต้ที่รุนแรง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามร่างกฎหมายสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.44% ปิดที่ 407.43 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,905.17 จุด ลดลง 7.54 จุด หรือ -0.13%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,236.38 จุด ลดลง 9.20 จุด หรือ -0.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,346.53 จุด ลดลง 69.90 จุด หรือ -0.94%

ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากจีนแสดงความไม่พอใจอย่างมากที่สหรัฐออกกฎหมายสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งจีนมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน

หุ้นกลุ่มธนาคารและเหมืองแร่ปรับตัวลงมากที่สุด โดยหุ้นลอยด์ส แบงก์ ร่วง 2.47% และ หุ้นแองโกล อเมริกัน ลบ 1.31%

หุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นเปอโยต์ ลบ 1.44% และหุ้นคอนติเนนทัล ลดลง 1.84%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซนที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานเดือนต.ค.ในยูโรโซนลดลงสู่ระดับ 7.5% จากระดับ 7.6% ในเดือนก.ย. โดยอัตราว่างงานเดือนต.ค.เป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 ขณะที่จำนวนคนว่างงานลดลง 31,000 คนในช่วงเดือนดังกล่าว แตะที่ 12.33 ล้านคน

ยูโรสแตทเปิดเผยด้วยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นที่ระดับ 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่เร็วขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบสามปีที่ 0.7% ในเดือนต.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.9%