ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ดี ตลาดดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดของวัน หลังมีข่าวว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนวางแผนที่จะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลบ 0.26% ปิดที่ 405.34 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,070.72 จุด ลดลง 34.89 จุด หรือ -0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,213.76 จุด ลดลง 20.14 จุด หรือ -0.28% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,848.03 จุด เพิ่มขึ้น 10.78 จุด หรือ +0.18%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง แต่ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดของวัน หลังวอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของสหรัฐและจีนระบุว่า กำลังวางแผนที่จะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
บรรดานักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ อาทิ การเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษ รวมถึงการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้
หุ้นที่อ่อนไหวต่อประเด็นการค้าและต้องพึ่งพาการส่งออกปรับตัวลง อาทิ กลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มรถยนต์ ขณะที่หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มเฮลธ์แคร์ ปรับตัวขึ้น
หุ้นเกล็นคอร์ของสวิตเซอร์แลนด์ ลบ 0.96%, หุ้นแองโกล อเมริกันของอังกฤษ ลดลง 0.07%, หุ้นเดมเลอร์ เอจีของเยอรมนี ลบ 0.61% และหุ้นเรโนลต์ของฝรั่งเศส ลดลง 1.45%
ส่วนหุ้นซาโนฟีของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 5.86% หลังบริษัทประกาศปรับเป้าหมายผลกำไร และเน้นให้ความสำคัญกับเวชภัณฑ์เพียงไม่กี่ตัว
หุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ของอังกฤษ บวก 1.26%