ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 29.58 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยยาวถึงสิ้นปีหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 12, 2019 06:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยยาวจนถึงสิ้นปีหน้า ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ท่ามกลางความหวังที่ว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ก่อนเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าครั้งใหม่จากจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,911.30 จุด เพิ่มขึ้น 29.58 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,141.63 จุด เพิ่มขึ้น 9.11 จุด หรือ +0.29% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,654.05 จุด เพิ่มขึ้น 37.87 จุด หรือ +0.44%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ ที่ประชุมเฟดครั้งล่าสุดยังได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 2563 ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ

แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า นโยบายการเงินในปัจจุบันมีความเหมาะสมสำหรับการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด

ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมว่า "ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงมีแนวโน้มที่น่าพอใจ แม้เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความเสี่ยงอยู่ก็ตาม สำหรับการดำเนินนโยบายของเราตลอดปีที่ผ่านมานั้น เราเชื่อว่า นโยบายการเงินของเฟดเป็นผลดีต่อชาวอเมริกัน ส่วนการดำเนินนโยบายในปัจจุบันนั้น คาดว่าจะยังคงอยู่ในทิศทางที่เหมาะสม ตราบเท่าที่เศรษฐกิจยังคงดำเนินไปด้วยดี"

นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า เขาต้องการรอให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและสามารถเคลื่อนตัวอยู่เหนือระดับเป้าหมายของเฟด ก่อนที่เฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป

หุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นในกลุ่มวัสดุนั้น หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ทะยานขึ้น 4.5% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ เพิ่มขึ้น 1.7%

ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3.8% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.57% หุ้นแอปเปิล บวก 0.8% หุ้นอเมซอนดอทคอม บวก 0.5% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ บวก 0.4% หุ้นอินเทล บวก 0.85% หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 0.7%

หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ดีดตัวขึ้น 1% หลังจาก Apptopia ซึ่งเป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น เปิดเผยว่า มีผู้สนใจดาวน์โหลดดิสนีย์พลัส (Disney+) ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิ่งของบริษัทวอลท์ ดิสนีย์ เป็นจำนวนถึง 22 ล้านรายแล้ว นับตั้งแต่ที่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อกลางเดือนที่แล้ว

หุ้นโบอิ้ง บวกเพียง 0.6% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนในระหว่างวัน หลังจากนายสตีฟ ดิคสัน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) กล่าวว่า FAA ไม่มีแนวโน้มที่จะให้ใบอนุญาตการบินแก่เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX จนกว่าจะถึงปีหน้า

หุ้นโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 1.8% หลังจากบริษัทคาดว่ายอดขายในปีงบการเงิน 2563 จะมีการขยายตัว 3.5%-4.0% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.3%

นักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีนในอัตรา 15% วงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน ขณะที่สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 3.8% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวขึ้น

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ