ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ,ข้อตกลงการค้าจีน-สหรัฐ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นด้านการเงินของจีน และการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในวันที่ 15 ม.ค.นี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐด้วย โดยดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดวันแรกของปีพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.93% ปิดที่ 419.72 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,041.50 จุด เพิ่มขึ้น 63.45 จุด หรือ +1.06%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,385.93 จุด เพิ่มขึ้น 136.92 จุด หรือ +1.03% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,604.30 จุด เพิ่มขึ้น 61.86 จุด หรือ +0.82%

ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงินลง 0.50% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.เป็นต้นไป เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่แท้จริง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ปธน.ทรัมป์ทวีตว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนจะเดินทางมาลงนามข้อตกลงการค้าที่ทำเนียบขาวในวันที่ 15 ม.ค.นี้ แม้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อตกลงดังกล่าวก็ตาม

หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มชิปที่อ่อนไหวต่อประเด็นการค้า ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้นด้วย

หุ้นแอร์บัสของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 2.3% หลังมีรายงานว่า บริษัทแอร์บัส มียอดส่งมอบเครื่องบินรวมกัน 863 ลำในปี 2562 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 7.9% จากยอดส่งออกในปีก่อนหน้านั้นซึ่งอยู่ที่ 800 ลำ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมากกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ที่ 860 ลำ และยังทำให้แอร์บัสกลายเป็นผู้ผลิตเครื่องบินอันดับหนึ่งของโลกแทนที่คู่แข่งอย่างโบอิ้งด้วย

หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์และหุ้นเคอริ่งของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 3.42% และ 2.19% ตามลำดับ, หุ้นดอยซ์แบงก์และหุ้นโฟล์คสวาเกนของเยอรมนี พุ่งขึ้น 6.22% และ 2.42% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นบาร์เคลย์สและหุ้นแอนโทฟากัสตาของอังกฤษ พุ่งขึ้น 3.10% และ 3.08% ตามลำดับ