ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐจะตอบโต้อิหร่านโดยใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยไม่ได้ระบุถึงการใช้ปฏิบัติการทางทหาร หลังจากที่อิหร่านใช้ขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรักเมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาประเทศไทย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.17% ปิดที่ 418.36 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,031.00 จุด เพิ่มขึ้น 18.65 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,320.18 จุด เพิ่มขึ้น 93.35 จุด หรือ +0.71% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,574.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.01%
ตลาดยุโรปดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงยืนยันว่า ไม่มีทหารอเมริกันเสียชีวิตจากการที่อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพสหรัฐในอิรัก และไม่ได้ระบุถึงการใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อตอบโต้อิหร่าน
ด้านแหล่งข่าวจากรัฐบาลสหรัฐและยุโรประบุว่า อิหร่านจงใจยิงขีปนาวุธพลาดเป้าในการโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรักเมื่อวานนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตของทหารสหรัฐ และหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้นจนควบคุมไม่ได้
หุ้นแอร์บัสของฝรั่งเศส บวก 1.80% หลังมีรายงานว่า เครื่องบินของสายการบินยูเครน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ซึ่งเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของบริษัทโบอิ้งซึ่งเป็นคู่แข่งของแอร์บัส ประสบอุบัติเหตุตกเมื่อวานนี้ ภายหลังจากที่บินขึ้นจากสนามบินอิหม่ามโคไมนีในอิหร่าน โดยผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 180 ที่อยู่บนเครื่องบินดังกล่าวเสียชีวิตทั้งหมด
หุ้นมิเชลินของฝรั่งเศส บวก 2.04%, หุ้นดอยซ์แบงก์, อาดิดาส และ ไบเออร์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 3.38%, 2.75% และ 2.59% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นอีซี่เจ็ตของอังกฤษ เพิ่มขึ้น 2.74%