ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไรหลังจากตลาดบวกขึ้น 3 วันติดต่อกัน และนักลงทุนผิดหวังที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลกับการที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรครั้งใหม่กับอิหร่านด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.12% ปิดที่ 419.14 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,037.11 จุด ลดลง 5.44 จุด หรือ -0.09%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,483.31 จุด ลดลง 11.75 จุด หรือ -0.09% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,587.85 จุด ลดลง 10.27 จุด หรือ -0.14%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไรหลังจากตลาดบวกขึ้น 3 วันติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนผิดหวังกับการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค.ด้วย
กระทรวงเกษตรสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 145,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 160,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.5% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค. จาก 0.3% ในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังจากนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ แถลงว่า สหรัฐจะทำการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับการส่งออกโลหะของอิหร่าน และกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่าน
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวของสหรัฐถือเป็นการลงโทษที่อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรักเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่วนอิหร่านยิงขีปนาวุธดังกล่าวเพื่อตอบโต้ต่อการที่สหรัฐใช้โดรนโจมตีสนามบินในกรุงแบกแดดจนทำให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของอิหร่านเสียชีวิต
ทั้งนี้ หุ้นสายการบินลุฟต์ฮันซาและหุ้นซีเมนส์ของเยอรมนี ลดลง 2.13% และ 2.03% ตามลำดับ, หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และหุ้นอาร์เซเลอร์มิตตัลในตลาดหุ้นฝรั่งเศส ลบ 1.87% และ 1.84% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นคิงฟิสเชอร์ และหุ้นธนาคารลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ปของอังกฤษ ร่วงลง 3.26% และ 2.46% ตามลำดับ