ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ ขานรับการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 21.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,872.84 จุด บวก 49.07 จุด หรือ 0.17%
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมจัดพิธีลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนที่ทำเนียบขาวในวันพุธนี้ เวลา 11.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.30 น.ตามเวลาไทย โดยจะมีการเชิญแขกราว 200 คนเข้าร่วมพิธีดังกล่าว
นอกจากนี้ วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังรายงานว่า สหรัฐและจีนเห็นพ้องกันที่จะเริ่มการเจรจาทางด้านเศรษฐกิจทุก 6 เดือน นำโดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า และผลักดันการปฏิรูป
ทั้งนี้ นายหลิวมีกำหนดนำคณะผู้แทนการค้าของจีนเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันของสหรัฐในวันนี้ ก่อนที่จะมีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับสหรัฐในวันที่ 15 ม.ค.
ภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟสแรกซึ่งมีการประกาศเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ตกลงที่จะระงับแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าครั้งใหม่จากจีน และจะลดภาษีบางส่วนที่เคยประกาศใช้ก่อนหน้านี้ ขณะที่จีนได้ตกลงที่จะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวก่อนหน้านี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อนุมัติปฏิบัติการทางทหารเพื่อสังหารนายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของอิหร่าน ส่งผลให้อิหร่านตอบโต้ด้วยการโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรัก
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐจะตอบโต้อิหร่านโดยใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยไม่ได้ระบุถึงการใช้ปฏิบัติการทางทหาร ขณะที่อิหร่านระบุว่า การโจมตีฐานทัพสหรัฐเป็นไปอย่างเหมาะสม และอิหร่านไม่ต้องการเพิ่มความขัดแย้ง หรือการทำสงคราม
ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ พุ่งขึ้นเกือบ 5% หลังจากที่นักวิเคราะห์ปรับเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัท
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของบริษัทออพเพนไฮเมอร์ประกาศปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นเทสลาสู่ระดับ 612 ดอลลาร์/หุ้น จากระดับ 385 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้ โดยเป็นการปรับขึ้นมากกว่า 20% หลังจากปิดตลาดที่ระดับ 478.15 ดอลลาร์ในวันศุกร์
ราคาเป้าหมายเทสลาของบริษัทออพเพนไฮเมอร์ถือเป็นระดับสูงสุดที่มีการคาดการณ์จากบริษัทในย่านวอลล์สตรีท
"เราเชื่อว่าความกล้าเสี่ยงของบริษัท, ความสามารถในการเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีค และความมุ่งมั่นที่มากกว่าคู่แข่งในตลาด จะเริ่มส่งผลกระทบต่อบริษัทอื่นๆในกลุ่มขนส่งซึ่งไม่สามารถดำเนินการด้านนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว" รายงานของออพเพนไฮเมอร์ระบุ