ดาวโจนส์บวกต่อ ขณะ S&P 500,Nasdaq ทำนิวไฮ หลังสหรัฐเล็งถอดจีนพ้นประเทศปิดเบือนค่าเงิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 14, 2020 00:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ หลังมีข่าวว่า สหรัฐเตรียมถอดจีนออกจากรายชื่อประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังได้ปัจจัยหนุนจากการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้

ณ เวลา 00.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,897.95 จุด บวก 74.18 จุด หรือ 0.26%

ส่วนดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดีดตัวขึ้น 0.6% และ 0.8% ตามลำดับ

สำนักข่าว CNBC รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐเตรียมถอดจีนออกจากรายชื่อประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน

ทั้งนี้ รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่สหรัฐและจีนจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกเพียง 2 วัน

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่าจีนเป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงินในเดือนส.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สหรัฐจัดให้จีนอยู่ในกลุ่มประเทศดังกล่าวนับตั้งแต่รัฐบาลของประธานาธิบดีบิล คลินตัน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โจมตีจีนว่าได้จงใจทำให้สกุลเงินหยวนอ่อนค่าลงเพื่อให้จีนมีความได้เปรียบในการส่งออกสินค้า ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนเป็นจำนวนมาก

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมจัดพิธีลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนที่ทำเนียบขาวในวันพุธนี้ เวลา 11.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.30 น.ตามเวลาไทย โดยจะมีการเชิญแขกราว 200 คนเข้าร่วมพิธีดังกล่าว

นอกจากนี้ วอลล์สตรีท เจอร์นัลยังรายงานว่า สหรัฐและจีนเห็นพ้องกันที่จะเริ่มการเจรจาทางด้านเศรษฐกิจทุก 6 เดือน นำโดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า และผลักดันการปฏิรูป

ทั้งนี้ นายหลิวมีกำหนดนำคณะผู้แทนการค้าของจีนเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันของสหรัฐในวันนี้ ก่อนที่จะมีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับสหรัฐในวันที่ 15 ม.ค.

ภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟสแรกซึ่งมีการประกาศเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ตกลงที่จะระงับแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าครั้งใหม่จากจีน และจะลดภาษีบางส่วนที่เคยประกาศใช้ก่อนหน้านี้ ขณะที่จีนได้ตกลงที่จะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ

ตลาดยังได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน

ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวก่อนหน้านี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อนุมัติปฏิบัติการทางทหารเพื่อสังหารนายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของอิหร่าน ส่งผลให้อิหร่านตอบโต้ด้วยการโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรัก

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐจะตอบโต้อิหร่านโดยใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยไม่ได้ระบุถึงการใช้ปฏิบัติการทางทหาร ขณะที่อิหร่านระบุว่า การโจมตีฐานทัพสหรัฐเป็นไปอย่างเหมาะสม และอิหร่านไม่ต้องการเพิ่มความขัดแย้ง หรือการทำสงคราม

ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 6% หลังจากที่นักวิเคราะห์ปรับเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัท

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของบริษัทออพเพนไฮเมอร์ประกาศปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นเทสลาสู่ระดับ 612 ดอลลาร์/หุ้น จากระดับ 385 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้ โดยเป็นการปรับขึ้นมากกว่า 20% หลังจากปิดตลาดที่ระดับ 478.15 ดอลลาร์ในวันศุกร์

ราคาเป้าหมายเทสลาของบริษัทออพเพนไฮเมอร์ถือเป็นระดับสูงสุดที่มีการคาดการณ์จากบริษัทในย่านวอลล์สตรีท

"เราเชื่อว่าความกล้าเสี่ยงของบริษัท, ความสามารถในการเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีค และความมุ่งมั่นที่มากกว่าคู่แข่งในตลาด จะเริ่มส่งผลกระทบต่อบริษัทอื่นๆในกลุ่มขนส่งซึ่งไม่สามารถดำเนินการด้านนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว" รายงานของออพเพนไฮเมอร์ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ