ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการ, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ณ เวลา 22.22 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,419.31 จุด ลบ 4.0 จุด หรือ 0.01%
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันจันทร์หน้า เนื่องในวันประธานาธิบดี
ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มพุ่งขึ้นมากกว่า 1% ในสัปดาห์นี้ แม้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเรียกร้องพรรคคอมมิวนิสต์จีนทำการอุดช่องโหว่และจุดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ปธน.สี จิ้นผิงเรียกร้องดังกล่าว หลังจากที่สหรัฐแสดงความไม่เชื่อมั่นต่อการเปิดเผยข้อมูลของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) เปิดเผยในวันนี้ว่า ผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก 121 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศอยู่ที่ระดับ 1,380 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อของจีนเพิ่มขึ้นอีก 5,090 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในจีนอยู่ที่ระดับ 63,851 ราย
NHC ระบุว่า ทางคณะกรรมการได้หักจำนวนผู้เสียชีวิต 108 รายออกจากตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ เนื่องจากมีการนับตัวเลขซ้ำซ้อนในมณฑลหูเป่ย วันนี้นับเป็นวันที่ 2 ที่การเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากมณฑลหูเป่ยได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการรายงานตัวเลขทั่วประเทศของจีน และสร้างความไม่มั่นใจต่อต่างประเทศเกี่ยวกับการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจีน
ราคาหุ้นบริษัท Nvidia Corp ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 6% หลังเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ Nvidia เปิดเผยกำไรที่ระดับ 1.89 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.69 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 3.11 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.97 พันล้านดอลลาร์
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 100.9 ในเดือนก.พ. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 99.5 หลังจากแตะระดับ 99.8 ในเดือนม.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นดีดตัวขึ้น แม้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่ดัชนีได้แรงหนุนจากสถานะการเงินส่วนบุคคล และการคาดการณ์ต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคต
ปัจจัยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ได้เป็นสิ่งที่สร้างความวิตกต่อผู้บริโภคมากนัก โดยมีเพียง 7% ที่ระบุถึงปัจจัยดังกล่าว
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ สถานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนม.ค. โดยเพิ่มขึ้น 0.3% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.
ยอดค้าปลีกได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายวัสดุก่อสร้าง และรถยนต์ ขณะที่ยอดขายเสื้อผ้าดิ่งลง 3.1% ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ทรงตัวในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค.