ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) หลังร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับผลประกอบการ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ทรงตัวที่ระดับ 404.62 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,684.55 จุด เพิ่มขึ้น 4.87 จุด หรือ +0.09%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,774.88 จุด ลดลง 15.61 จุด หรือ -0.12% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,042.47 จุด เพิ่มขึ้น 24.59 จุด หรือ +0.35%
ตลาดหุ้นยุโรปขยับขึ้นเล็กน้อยและปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังปรับตัวขึ้นตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ดีดตัวขึ้นระหว่างวันก่อนที่จะปิดตลาดลดลง
บรรดานักลงทุนยังคงวิตกกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก โดยในยุโรปนั้น พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในอิตาลี, เยอรมนี, ฝรั่งเศส และสเปน ขณะที่เกาหลีใต้และอิหร่านก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนมีความวิตกมากขึ้น หลังศูนย์ภูมิคุ้มกันและโรคทางเดินหายใจแห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ออกมาเตือนให้ชาวอเมริกันเตรียมพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐ โดยกล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในสหรัฐอาจจะอยู่ในขั้นร้ายแรง
หุ้นกลุ่มการเดินทาง, กลุ่มบริการการเงิน, กลุ่มเคมีภัณฑ์ และกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลงหนักที่สุด
หุ้นแอร์บัสและหุ้นแอคคอร์ของฝรั่งเศส ร่วง 2.41% และ 1.87% ตามลำดับ, หุ้นลุฟต์ฮันซาของเยอรมนี ลดลง 1.80% และหุ้นอีซี่เจ็ตของอังกฤษ ลดลง 0.87%