ตลาดหุ้นยุโรปปิดดิ่งลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความวิตกว่า การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในประเทศต่างๆ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 3.54% ปิดที่ 375.65 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,309.90 จุด ร่วงลง 185.69 จุด หรือ -3.38%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,890.35 จุด ดิ่งลง 477.11 จุด หรือ -3.86% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,580.61 จุด ร่วง 215.79 จุด หรือ -3.18%
ตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลงหนักที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินปี 2551 โดยมูลค่าตลาดหุ้นยุโรปในสัปดาห์นี้ร่วงลงราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นออกมาอย่างหนักจากความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอิตาลีที่พุ่งขึ้นเกิน 850 รายในวันศุกร์ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในเยอรมนีเพิ่มขึ้นเป็น 60 ราย
หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลง นำโดยกลุ่มเคมีภัณฑ์, กลุ่มประกัน และกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม โดยหุ้นมิวนิค รี ในกลุ่มประกันของเยอรมนีร่วงลงหนักที่สุด 5.68% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4 ลดลง
หุ้น BASF ในกลุ่มเคมีภัณฑ์ของเยอรมนี ร่วง 4.94% หลังบริษัทเตือนว่า ผลประกอบการของบริษัทอาจร่วงลงอีกในปีนี้
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการ ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นสายการบินร่วงลงหนักที่สุด หลังบริษัท IAG เจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์เปิดเผยว่า ผลประกอบการจะได้รับผลกระทบในปีนี้ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารร่วงลง
หุ้นอีซี่เจ็ต ลบ 0.86%, หุ้นแอร์ฟรานซ์ ร่วง 6.40% และหุ้นลุฟต์ฮันซา ร่วงลง 4.73% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ตลาดถูกกดดันจากการที่ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุในวันศุกร์ว่า ECB ยังไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ในขณะนี้ที่จะรับมือกับผลกระทบจากโรคระบาด
นักลงทุนมีความวิตกมากขึ้น หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มระบาดทั่วโลก (pandemic) และมูดี้ส์ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 อาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งปีแรก