ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานขึ้นกว่า 400 จุด ขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนนี้ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ณ เวลา 22.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,845.71 จุด บวก 436.35 จุด หรือ 1.72%
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงมากกว่า 10% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการทรุดตัวรุนแรงที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 ส่งผลให้ดาวโจนส์เข้าสู่โซนปรับฐาน โดยร่วงลงมากกว่า 10% จากระดับสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้ในช่วงต้นเดือนก.พ. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ราคาหุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้นนำตลาด โดยทะยานขึ้น 4.2% ในการซื้อขายวันนี้
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า ธนาคารกลางของประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งรวมถึงเฟด จะใช้มาตรการป้องกันการทรุดตัวของเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นายหลุยส์ เดอ กวินโดส รองประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เพิ่มความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และ ECB พร้อมที่จะออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ กดดันให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับธนาคารกลางแห่งอื่นๆ
"นายเจอโรม พาวเวล และเฟด ยังคงดำเนินการล่าช้าเหมือนเดิม ขณะที่เยอรมนีและประเทศอื่นๆ ต่างกำลังอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางแห่งอื่นๆต่างดำเนินการในเชิงรุกมากกว่าเฟด ขณะที่สหรัฐควรมีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ทำให้เรากำลังเสียเปรียบ เราควรเป็นผู้นำ ไม่ใช่ผู้ตาม" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุด้านนายพาวเวล กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดจะจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยเฟดจะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ และจะใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อหนุนเศรษฐกิจ
การแสดงความเห็นของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนในตลาดการเงินมองว่า ประธานเฟดกำลังส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนนี้ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 100% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% จากระดับ 1.50-1.75% สู่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปีนี้ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.
นักลงทุนยังคงจับตาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ หลังจากที่สำนักงานสาธารณสุขสหรัฐยืนยันการพบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายที่ 2 ในสหรัฐ โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชายวัย 70 ปี ซึ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอเวอร์กรีนเฮลธ์ ในรัฐวอชิงตัน ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายแรกที่มีการยืนยันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นชายอายุประมาณ 50 ปีในรัฐวอชิงตัน หลังจากตรวจพบอาการเมื่อวันศุกร์
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.พ. จากระดับ 50.9 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.8
ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ร่วงลงสู่ระดับ 49.8 จากระดับ 52.0 ในเดือนม.ค.
อย่างไรก็ดี ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ