ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 800 จุด กังขาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ,กังวลโควิด-19

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 11, 2020 21:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 800 จุดในวันนี้ ท่ามกลางความไม่มั่นใจเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการทรุดตัวของราคาน้ำมัน และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ณ เวลา 21.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,194.78 จุด ลบ 823.38 จุด หรือ 3.29%

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประชุมกับแกนนำของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินเดือนสู่ระดับ 0% จนถึงสิ้นปีนี้ แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยต่อแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้รัฐบาลขาดรายได้ในการสนับสนุนโครงการประกันสุขภาพ และสวัสดิการสังคมของชาวอเมริกัน

นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังพิจารณาแผนการให้ความช่วยเหลือต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันในขณะนี้ ท่ามกลางการทำสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย

อย่างไรก็ดี การหารือระหว่างปธน.ทรัมป์และแกนนำของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ได้สิ้นสุดลงโดยไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด

นางแคโรไลน์ มาโลนีย์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปและควบคุมประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขของสหรัฐเข้าประชุมฉุกเฉินที่ทำเนียบขาวในวันนี้

"เมื่อเช้านี้ เราได้รับแจ้งว่าท่านประธานาธิบดีและท่านรองประธานาธิบดีได้เรียกให้มีการประชุมฉุกเฉินที่ทำเนียบขาว โดยเรายังไม่รู้รายละเอียด รู้แต่ว่านี่เป็นเรื่องที่ด่วนมาก" นางมาโลนีย์กล่าว

ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างน้อย 1,039 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 29 ราย โดยเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดลุกลามไปยังรัฐต่างๆของสหรัฐ

จำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 1,000 รายในขณะนี้ ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าจากจำนวนเพียงกว่า 100 รายในวันที่ 4 มี.ค.

ทั้งนี้ เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ระบาดไปยัง 35 รัฐ โดยรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่ วอชิงตัน แคลิฟอร์เนีย และนิวยอร์ก โดยจำนวนผู้ติดเชื้อของทั้ง 3 รัฐนี้รวมกันเกือบ 500 ราย ส่งผลให้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินใน 3 รัฐดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ