ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงเกือบ 200 จุด หลุดระดับ 20,000 จุด หลังจากพุ่งขึ้นในช่วงแรก
ณ เวลา 21.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 19,988.72 จุด ลบ 199.80 จุด หรือ 0.99%
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 3,000 จุดเมื่อคืนนี้ ทำสถิติทรุดตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2530 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน และอัดฉีดเงินผ่านการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยืนยันไม่มีการปิดตลาด แม้รัฐบาลสหรัฐอาจสั่งปิดโรงเรียน บาร์ ร้านอาหาร และงดเว้นการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การแสดงคอนเสิร์ต และการแข่งขันกีฬา เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
"เป็นสิ่งสำคัญที่ตลาดจะต้องเปิดอยู่ต่อไป และให้ตลาดทำการซื้อขายอย่างเป็นระเบียบเหมือนที่เคยเป็นมา" นางสเตซีย์ คันนิ่งแฮม ประธานตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก กล่าว
นอกจากนี้ นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวเช่นกันว่า "เรามีความประสงค์ให้ตลาดเปิดทำการต่อไป เพราะนี่เป็นสัญญาณบ่งชี้ความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ขณะที่นักลงทุนต้องการเข้ามาเพื่อซื้อและขายหุ้น"
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐอาจต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปจนถึงเดือนก.ค.หรือเดือนส.ค. และเศรษฐกิจสหรัฐอาจประสบภาวะถดถอย
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากนั้น
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากพุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนก.พ.
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ทรงตัวในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค.