ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าตลาดจะมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากที่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อหุ้นหลังจากที่ตลาดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 8.40% ปิดที่ 304 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,242.70 จุด เพิ่มขึ้น 328.40 จุด หรือ +8.39%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,700.57 จุด เพิ่มขึ้น 959.42 จุด หรือ +10.98% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,446.01 จุด เพิ่มขึ้น 452.12 จุด หรือ +9.05%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2551 แต่ยังคงร่วงลงราว 30% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากที่ความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างตื่นตระหนกในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
การทะยานขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปด้วย และราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำดึงดูดให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร
บรรดานักลงทุนเริ่มมีความหวังว่า ตลาดจะมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากที่เผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก เนื่องจากรัฐบาลและธนาคารกลางต่างๆ ประกาศมาตรการเพื่อเสริมสภาพคล่อง และชดเชยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน รวมถึงกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวขึ้นตามราคาโลหะและราคาน้ำมัน และหุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นซาฟราน และหุ้นอาร์เซลอร์มิตตัลของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 20.93% และ 18.56% ตามลำดับ, หุ้นอินฟิเนียน และหุ้นซีเมนส์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 11.55% และ 7.64% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นคาร์นิวาล, หุ้นเชลล์ และหุ้นบีพีของอังกฤษ ทะยานขึ้น 28.26%, 22.91% และ 21.58% ตามลำดับ
หุ้นเทคอะเวย์.คอมของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งให้บริการสั่งอาหารออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของยุโรป พุ่งขึ้น 9.25%