ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันซื้อขายวันแรกของไตรมาส 2 โดยถูกกดดันจากการที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก หลังจากที่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับความเสียหายด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วง 2.90% ปิดที่ 310.77 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,207.24 จุด ลดลง 188.87 จุด หรือ -4.30%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,544.75 จุด ลดลง 391.09 จุด หรือ -3.94% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,454.57 จุด ลดลง 217.39 จุด หรือ -3.83%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 44.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 92 เดือน จากระดับ 49.2 ในเดือนก.พ. โดยดัชนี PMI ที่ยังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงเผชิญภาวะหดตัวในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดัน เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกโรงเตือนชาวสหรัฐให้เตรียมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า
หุ้นกลุ่มธนาคารในยุโรปร่วงลงหนักที่สุดใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังธนาคารหลายแห่งประกาศระงับการจ่ายเงินปันผลเพื่อสำรองสภาพคล่อง โดยหุ้นเอชเอสบีซี ร่วง 7.52%, หุ้นซานแทนเดอร์ ลดลง 3.22% และหุ้นลอยด์ส ดิ่งลง 10.23%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นเกล็นคอร์ ร่วง 3.52% หลังเลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ โดยเตือนเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านการผลิต
หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 7.16% และหุ้นริโอ ทินโท ร่วง 3%