ดาวโจนส์พลิกพุ่งกว่า 400 จุด หลัง"ทรัมป์"คาดซาอุฯ-รัสเซียเตรียมยุติสงครามน้ำมัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 2, 2020 21:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกพุ่งขึ้นกว่า 400 จุด หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คาดว่า ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะบรรลุข้อตกลงในการยุติการทำสงครามราคาน้ำมัน

ณ เวลา 21.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,400.48 จุด บวก 456.97 จุด หรือ 2.18%

หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นในวันนี้ ตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น ขานรับถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาได้หารือกับผู้นำซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันโลก ซึ่งเขาเชื่อว่าประเทศทั้งสองจะบรรลุข้อตกลงในการยุติการทำสงครามราคาในอีกไม่กี่วัน

"อุตสาหกรรมน้ำมันทั่วโลกกำลังย่ำแย่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อทั้งรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย และผมคิดว่าพวกเขาจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้" ปธน.ทรัมป์กล่าว

ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียประกาศทำสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันลดกำลังการผลิตอีก 1.5 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ โดยรัสเซียยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 200 จุดในช่วงแรก หลังการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่พุ่งเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความวิตกว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.6 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1 ล้านราย

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้ที่มีการรายงานในสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 3.3 ล้านราย

การพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 327,250 ราย สู่ระดับ 2.054 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.2560

ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 695,000 รายในปี 2525 ขณะที่ตัวเลขสูงสุดในช่วงเศรษฐกิจถดถอยอยู่ที่ 665,000 รายที่ทำไว้ในเดือนมี.ค.2552

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

ทั้งนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (215,344) รองลงมาคืออิตาลี (110,574), สเปน (110,238), จีน (81,589) และเยอรมนี (77,981)

รัฐนิวยอร์กถือเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ จำนวน 83,901 ราย ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์ แคลิฟอร์เนีย และมิชิแกน

นอกจากนี้ รัฐนิวยอร์กยังมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 2,219 ราย ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์ มิชิแกน และหลุยเซียนา

ทำเนียบขาวเปิดเผยรายงานระบุว่า ชาวอเมริกันอาจเสียชีวิตสูงถึง 100,000-240,000 ราย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตือนชาวสหรัฐให้เตรียมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า

"นี่จะเป็น 2 สัปดาห์ที่เจ็บปวดมาก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะที่เรากำลังเผชิญกับศัตรูที่มองไม่เห็น" ปธน.ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าว

นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่า การทดสอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในมนุษย์เป็นครั้งแรกกำลังดำเนินไปตามเป้า และรัฐบาลจะสามารถนำวัคซีนดังกล่าวมาใช้อย่างแพร่หลายในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า

นายแพทย์ฟอซีกล่าวว่า วัคซีนดังกล่าวจะเป็น"ตัวพลิกเกม"ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐได้ร่วมมือกับบริษัท Moderna ซึ่งเป็นบริษัทในธุรกิจไบโอเทค เพื่อพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยได้เริ่มทำการทดลองกับคนเป็นครั้งแรกในวันที่ 16 มี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ