ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 532.31 จุด ขานรับถ้อยแถลง"พาวเวล",ข่าวคืบหน้ายารักษาโควิด-19

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 30, 2020 06:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นว่าเฟดจะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวดีจากบริษัท Gilead Sciences ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับความคืบหน้าในการผลิตยารักษาโรคโควิด-19

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,633.86 จุด พุ่งขึ้น 532.31 จุด หรือ +2.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,939.51 จุด เพิ่มขึ้น 76.12 จุด หรือ +2.66% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,914.71 จุด เพิ่มขึ้น 306.98 จุด หรือ+3.57%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากนายพาวเวลได้ให้คำมั่นในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มที่จะฉุดรั้งการจ้างงาน กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ ให้ทรุดตัวลงอย่างหนักในระยะเวลาอันใกล้นี้

นายพาวเวลกล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับมาตรการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและสามารถต้านทานผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้ โดยในส่วนของเฟดนั้น เฟดจะดำเนินการในทุกวิถีทางที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจของสหรัฐสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด-19 ได้

ถ้อยแถลงของนายพาวเวลมีขึ้นหลังจากที่ประชุมเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ขณะเดียวกันเฟดยืนยันว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น และเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากบริษัท Gilead Sciences แถลงว่าได้รับข้อมูลที่น่าพึงพอใจในการใช้ยา remdesivir ซึ่งเป็นยาแอนตี้ไวรัสของบริษัท ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19

ทั้งนี้ Gilead ระบุว่า ผลการศึกษาการใช้ยา remdesivir ซึ่งทางบริษัทดำเนินการร่วมกับสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติ มีผลการรักษาเป็นไปตามเป้าหมายในเบื้องต้น โดยผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวนอย่างน้อย 50% ที่ได้รับยา remdesivir เป็นเวลา 5 วัน มีอาการดีขึ้น และผู้ป่วยจำนวนมากกว่า 50% ที่ได้รับยา remdesivir สามารถออกจากโรงพยาบาลภายในเวลา 2 สัปดาห์

หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ทะยานขึ้น 8.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 6.84 พันล้านดอลลาร์ หรือ 9.87 ดอลลาร์/หุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระดับ 6.66 พันล้านดอลลาร์ หรือ 9.50 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 1/2562

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 6.17% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 4.5% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 5.2% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 3.28% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 2%

หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 6.12% แม้บริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 641 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1 หรือ 1.11 ดอลลาร์/หุ้น เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 2.15 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.75 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลในประเทศต่างๆ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ร่วงลง 3.24% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 5 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 8 เซนต์/หุ้น โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

หุ้นยัม แบรนด์ส อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพิซซ่า ฮัท, เคนตั๊กกี ฟรายชิกเก้น (KFC) และทาโก้ เบลล์ ปิดตลาดปรับตัวลง 0.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ดิ่งลง 68.3% สู่ระดับ 83 ล้านดอลลาร์ หรือ 27 เซนต์/หุ้น จากระดับ 262 ล้านดอลลาร์ หรือ 83 เซนต์/หุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 4.8% ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัว 3.5% โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ดิ่งลง 20.8% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ