ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัวลงในปีนี้ แม้ว่าหลายประเทศในยุโรปเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายแล้วก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.35% ปิดที่ 334.34 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,606.20 จุด ลดลง 123.26 จุด หรือ -1.15% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,433.38 จุด ลดลง 49.75 จุด หรือ -1.11% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,853.76 จุด เพิ่มขึ้น 4.34 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากการที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัวลงมากเป็นประวัติการณ์ถึง 7.7% ในปีนี้
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอถ่วงตลาดลงด้วย โดยเยอรมนีเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานร่วงลง 15.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงหนักที่สุดนับตั้งแต่สำนักงานสถิติได้เริ่มรายงานข้อมูลดังกล่าวในเดือนม.ค. 2534 เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนร่วงลงในเดือนเม.ย.
ตลาดยังถูกถ่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับมาตรการซื้อสินทรัพย์ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังจากศาลฎีกาของเยอรมนีได้ตัดสินให้ ECB ชี้แจงถึงเหตุผลของการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยให้เวลา 3 เดือน
นอกจากนี้ ความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีน กดดันตลาดด้วย
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักที่สุด โดยหุ้นเชลล์ ร่วง 3.73% และหุ้นบีพี ลดลง 1.05%
หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการ รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นแอคคอร์ของฝรั่งเศส ร่วง 4.60%, หุ้นลุฟต์ฮันซาของเยอรมนี ร่วง 3.83% และหุ้นคาร์นิวาลของอังกฤษ ร่วง 5.39%