ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันนี้ ขานรับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของสหรัฐ รวมทั้งการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน
ณ เวลา 20.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,977.74 จุด บวก 313.10 จุด หรือ 1.32%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นในวันนี้ ตามการดีดตัวขึ้นเกือบ 10% ของราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐอีกครั้ง ได้ปรับตัวขึ้นในวันนี้เช่นกัน
ราคาหุ้นของบริษัท Moderna พุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ทางบริษัทได้รับการอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ในการทดลองวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเฟส 2
Moderna ระบุว่า บริษัทจะเริ่มทำการทดลองวัคซีนในเฟส 2 กับอาสาสมัครจำนวน 600 รายในไม่ช้า และหวังว่าจะเริ่มทดลองในเฟส 3 ได้ในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะทำให้ทางบริษัทมีแนวโน้มที่จะได้รับการอนุมัติในการผลิตวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเร็วที่สุดในปีหน้า
เวียคอมซีบีเอส อิงค์ บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาสแรก โดยได้รับแรงหนุนจากสมาชิกที่เพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ เวียคอมซีบีเอสเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 6.67 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 6.59 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้จากบริการสตรีมมิงและดิจิทัลวิดีโอพุ่งขึ้น 51% สู่ระดับ 471 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บริษัทมีกำไร 1.13 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.96 ดอลลาร์/หุ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทมีสมาชิกของบริการสตรีมมิงจำนวนกว่า 13.5 ล้านรายในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ทั้งนี้ เวียคอมได้เสร็จสิ้นการควบรวมกิจการกับซีบีเอสในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากเน็ตฟลิกซ์, วอลท์ดิสนีย์, แอปเปิล อิงค์ รวมทั้งบริษัทสื่ออื่นๆ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 3.17 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.05 ล้านราย
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานโดยรวมพุ่งขึ้นสู่ระดับ 33.5 ล้านรายในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆในช่วงครึ่งหลังของเดือนมี.ค.เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มีการรายงานในวันนี้ถือว่าต่ำที่สุดในช่วง 7 สัปดาห์ดังกล่าว
ส่วนในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะดิ่งลง 21.5 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 16%
เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 701,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2553 ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 4.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2560 หลังจากแตะระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ จะเป็นหนึ่งในตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
"อัตราการว่างงานจะพุ่งสูงมาก โดยอาจสูงกว่า 20%" นายบูลลาร์ดกล่าวนายบูลลาร์ดกล่าวเสริมว่า ผลกระทบส่วนใหญ่จากการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19 จะปรากฎในไตรมาส 2 แต่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาส 3 ขณะที่อัตราการว่างงานจะกลับสู่ตัวเลขหลักเดียวในไตรมาส 4 ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น