ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจากจีนเสนอกฎหมายด้านความมั่นคงแห่งชาติเพื่อบังคับใช้กับฮ่องกง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.03% ปิดที่ 340.17 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,444.56 จุด ลดลง 0.88 จุด หรือ -0.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,993.28 จุด ลดลง 21.97 จุด หรือ -0.37%, ส่วนดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,073.87 จุด เพิ่มขึ้น 7.94 จุด หรือ +0.07%
หุ้นยุโรปปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ที่ลดลง โดยนักลงทุนได้เทขายหุ้นออกมาจากความวิตกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐ-จีน หลังนายหวัง เฉิน รองประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ได้เสนอกฎหมายใหม่ในวันศุกร์ (22 พ.ค.) ที่ระบุให้ฮ่องกงต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยเร็วภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับย่อซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง
การดำเนินการดังกล่าวของจีนสร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะตอบโต้จีน หากจีนใช้มาตรการเพื่อจัดการกับผู้ประท้วง และจำกัดการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยในฮ่องกง
นอกจากนี้ การที่จีนระงับการกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำปีนี้ ทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นเอสเอชบีซี ร่วง 4.99% จากความตึงเครียดเกี่ยวกับประเด็นฮ่องกง ขณะที่หุ้นพรูเดนเชียล ร่วงลง 9.29%
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นโรช โฮลดิง ลบ 0.29% และหุ้นแกล็กโซสมิธไคลน์ ลบ 0.06%
หุ้นเนสท์เล่ถ่วงตลาดลงด้วย โดยปรับตัวลง 1.87%