ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการประกาศจัดตั้งกองทุนขนาด 7.50 แสนล้านยูโร (8.265 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจสหภาพยุโรป (EU) ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.24% ปิดที่ 349.75 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,657.69 จุด เพิ่มขึ้น 153.04 จุด หรือ +1.33%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,688.74 จุด เพิ่มขึ้น 82.50 จุด หรือ +1.79% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,144.25 จุด เพิ่มขึ้น 76.49 จุด หรือ +1.26%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยรายละเอียดของกองทุนฟื้นฟู วงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร (8.265 แสนล้านดอลลาร์) เมื่อคืนนี้ เพื่อช่วยเยียวยาเศรษฐกิจของ EU จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูดังกล่าวประกอบด้วยเงินให้เปล่าจำนวน 5 แสนล้านยูโร และเงินกู้ 2.5 แสนล้านยูโรสำหรับชาติสมาชิก EU
ภายใต้ข้อเสนอดังกล่าว EC จะกู้ยืมเงินจากตลาด โดยจะมอบเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าราว 2 ใน 3 และที่เหลือจะนำไปปล่อยกู้ ซึ่งเงินส่วนใหญ่จะให้ความช่วยเหลือแก่อิตาลีและสเปนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากโรคระบาด
หุ้นกลุ่มธนาคารของสเปนพุ่งขึ้นอย่างมาก โดยหุ้น Banco Santander พุ่ง 4.88% และหุ้น BBVA พุ่ง 3.4%
หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ และหุ้นโซซิเอเต เจเนอราลของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 8.82% และ 6.56% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการ รวมถึงหุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้นด้วย หลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
หุ้นเรโนลต์ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 17.5% หลังจากเรโนลต์และบริษัทนิสสัน มอเตอร์ของญี่ปุ่น วางแผนการที่จะร่วมมือกันในด้านการผลิตรถยนต์เพื่อประหยัดต้นทุน และฟื้นฟูความเป็นพันธมิตรระหว่างกัน