ดาวโจนส์พลิกดีดบวก หลังเผยตัวเลขเศรษฐกิจบ่งชี้สหรัฐฟื้นตัวจากโควิด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 18, 2020 22:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวสู่แดนบวก หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่บ่งชี้การฟื้นตัวของสหรัฐจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ณ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,141.32 จุด บวก 21.71 จุด หรือ 0.08%

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 27.5 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ -43.1 ในเดือนพ.ค. หลังจากทรุดตัวลงแตะ -56.6 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2523 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ดัชนีอยู่เหนือระดับ 0 บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นต่อภาวะธุรกิจ และการใช้จ่ายทุนในช่วง 6 เดือนข้างหน้า

ที่ผ่านมา ดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกมักปรับตัวในแดนบวกนับตั้งแต่ปี 2559 ก่อนที่จะทรุดตัวสู่แดนลบในเดือนมี.ค.

Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ดีดตัวขึ้น 2.8% สู่ระดับ 99.8 ในเดือนพ.ค. หลังจากดิ่งลง 6.1% ในเดือนเม.ย. และร่วงลง 7.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงหนักที่สุดในรอบ 60 ปีที่มีการรายงานตัวเลขดังกล่าว

Conference Board ระบุว่า การฟื้นตัวของดัชนี LEI ในเดือนพ.ค. สะท้อนถึงการเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่ หลังจากที่กิจกรรมในภาคธุรกิจ หยุดชะงักลงจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ ดัชนี LEI ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึง คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต, ราคาหุ้น และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุดในช่วงแรก โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ขณะที่นักลงทุนผิดหวังต่อการเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาด ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและจีน

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.5 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3 ล้านราย

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 13 แม้ว่ารัฐต่างๆได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และได้เปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในวันนี้ ต่ำกว่าที่มีการรายงานในสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 1.566 ล้านราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.9 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.

สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลงสู่ระดับ 20.5 ล้านราย โดยลดลง 62,000 รายจากที่มีการรายงานในสัปดาห์ที่แล้ว

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวลงในวันนี้

หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า 9 รัฐในสหรัฐซึ่งได้แก่ แอละแบมา แอริโซนา ฟลอริดา เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา โอกลาโฮมา โอเรกอน เซาท์แคโรไลนา และเท็กซัส มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 วัน ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า สหรัฐอาจเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่

แบบจำลองของสถาบันชี้วัดและประเมินสุขภาพ (IHME) ในสังกัดมหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐ บ่งชี้ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตกว่า 200,000 รายภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในหลายรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ทั้งนี้ แบบจำลองดังกล่าวบ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันจะเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 จำนวน 171,000-270,000 ราย โดยมีแนวโน้มมากที่สุดที่ระดับ 201,129 ราย

นอกจากนี้ คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันจะเพิ่มขึ้นอีกในเดือนก.ย. หลังจากแตะระดับสูงสุดในเดือนมิ.ย. และคาดว่าโรงพยาบาลต่างๆ จะมีความต้องการเตียงและเครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย.

ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,234,986 ราย และมีผู้เสียชีวิต 119,943 ราย

ส่วนสถานการณ์ในกรุงปักกิ่งนั้น หลังจากที่ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ติดต่อกันมากกว่า 50 วัน ก็มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ 1 รายเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว และอีก 6 รายในศุกร์ และเมื่อถึงวันจันทร์นี้ ก็มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 106 รายในช่วงเวลา 5 วัน ขณะที่เมื่อวานนี้มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ 21 ราย

อย่างไรก็ดี นายหวู่ ซุนหยู หัวหน้านักระบาดวิทยาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน กล่าวว่า จีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในกรุงปักกิ่งแล้ว

"การแพร่ระบาดในกรุงปักกิ่งได้อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว และเมื่อผมบอกว่าอยู่ภายใต้การควบคุม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะเป็นศูนย์ในวันพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ โดยแนวโน้มการติดเชื้อจะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลง เหมือนกับแนวโน้มที่เราเห็นในกรุงปักกิ่งในเดือนม.ค.และก.พ." นายหวู่กล่าว

นายหวู่กล่าวว่า อาจมีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วงหลายวันข้างหน้า แต่จะไม่ถือเป็นการแพร่เชื้อครั้งใหม่ แต่เป็นผู้ติดเชื้อที่ถูกตรวจพบในกระบวนการตรวจสอบที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ