ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับผลประกอบการของบริษัทหลายแห่ง ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐ
ณ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,463.59 จุด ลดลง 121.18 จุด หรือ 0.46%
หุ้นแมคโดนัลด์ลดลงเกือบ 2% และหุ้น 3M ร่วงกว่า 4% หลังจากที่ทั้งสองบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ โดยคาดว่าจะมีวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่โครงการช่วยเหลือคนว่างงานจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 28-29 ก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมครั้งนี้ และเฟดจะยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในช่วงหลายปีข้างหน้า
ตลาดยังคงจับตาข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน โดยกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนได้เข้ายึดสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตูแล้ว หลังจากที่ได้สั่งให้สหรัฐปิดสถานกงสุลดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวสตัน พร้อมกับกล่าวหาว่าจีนได้ทำการจารกรรมข้อมูลลับของสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดย Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 16,600,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 657,000 ราย โดยสหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลกทะลุ 4,433,000 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลกกว่า 150,000 ราย