ดาวโจนส์บวก นักลงทุนจับตาผลประชุมเฟดคืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 29, 2020 21:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ก่อนทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้

ณ เวลา 21.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,438.05 จุด บวก 58.77 จุด หรือ 0.22%

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในคืนนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมครั้งนี้ และเฟดจะยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในช่วงหลายปีข้างหน้า หลังจากที่เมื่อวานนี้ เฟดได้ประกาศขยายเวลาโครงการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินจนถึงสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐ เช่น แอปเปิล อเมซอน เฟซบุ๊ก และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล โดยบริษัทดังกล่าวจะเข้าให้การต่อคณะอนุกรรมการต่อต้านการผูกขาดประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ หลังจากที่คณะอนุกรรมการดังกล่าวได้สอบสวนเกี่ยวกับพฤติกรรมด้านการค้าของกลุ่มบริษัทดังกล่าวเป็นเวลานานราว 1 ปี

ขณะเดียวกัน ตลาดยังคงจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 16.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 12.5% หลังจากพุ่งขึ้น 44% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ NAR เริ่มทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนม.ค.2544

การดีดตัวขึ้นของดัชนีได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เตือนว่า การแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มของดัชนี

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2563 ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่า ตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐทรุดตัวเป็นประวัติการณ์จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 2/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลง 34.1% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากหดตัว 5% ในไตรมาส 1

การหดตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทั้งในไตรมาส 1 และ 2 จะทำให้สหรัฐเข้าเกณฑ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

การทรุดตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 5% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ติดลบ นับตั้งแต่ที่มีการรายงานว่าเศรษฐกิจหดตัว 1.1% ในไตรมาส 1/2557 และเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจหดตัว 8.4% ในไตรมาส 4/2551 ซึ่งขณะนั้นสหรัฐกำลังเผชิญวิกฤตการเงิน

ในปีที่แล้ว เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 1 และ 2.0% ในไตรมาส 2 ขณะที่เติบโต 2.1% ทั้งในไตรมาส 3 และ 4

นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.3% ในปี 2562 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยต่ำกว่าระดับ 2.9% ในปี 2561 และ 2.4% ในปี 2560 ซึ่งเป็นปีแรกในการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่เขาตั้งเป้าการขยายตัวรายปีของเศรษฐกิจสหรัฐที่ระดับ 3% ในช่วงการดำรงตำแหน่ง 4 ปีของเขา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ