ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนมีการขยายตัว และนักลงทุนยังได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่ง 2.05% ปิดที่ 363.64 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,646.98 จุด เพิ่มขึ้น 333.62 จุด หรือ +2.71%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,875.93 จุด เพิ่มขึ้น 92.24 จุด หรือ +1.93% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,032.85 จุด เพิ่มขึ้น 135.09 จุด หรือ +2.29%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนหลังไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายในเดือนก.ค.ของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 51.8 เพิ่มขึ้น จากระดับ 47.4 เมื่อเดือนมิ.ย. และจากระดับ 51.1 ในรายงานเบื้องต้นเดือนก.ค. โดยดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนได้กลับมาขยายตัวอีกครั้ง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่า สภาคองเกรสและทำเนียบขาวของสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งรวมถึงการขยายโครงการช่วยเหลือคนว่างงานซึ่งได้หมดอายุแล้วในช่วงสิ้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มรถยนต์, กลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มก่อสร้าง และกลุ่มวัสดุ นำตลาดปรับตัวขึ้น
หุ้นวีว็องดีของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 6.43%, หุ้นโฟล์คสวาเกนและหุ้นเดมเลอร์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 4.94% และ 4.44% ตามลำดับ และหุ้นลอยด์ แบงกิง กรุ๊ปของอังกฤษ พุ่งขึ้น 6.03%
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มมาตรการสกัดกั้นโรคโควิด-19 ในยุโรปหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น